ศาลรธน.ไม่รับคำร้อง
ศาลรับคำร้องที่ดีเอสไอยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว 9 แกนนำพันธมิตร คดีปิดล้อมสนามบินเมื่อปี 2551 หลังเป็นแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และคปท. บุกยึดสถานที่ราชการ เบื้องต้น ทนายแกนนำพันธมิตร ยื่นคัดค้านคำร้องของดีเอสไอ ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องกรณียื่นขอให้วินิจฉัยว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ล้มล้างการปกครองหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าการชุมนุมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้องที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว.สรรหา, นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายกิตติ อธินันท์ นายวิชาญ นุ่มมาก ยื่นคำร้องรวม 7 คำร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำบุกยึดสถานที่ราชการ เสนอตั้งสภาประชาชน ให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากการรักษาการ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เข้าข่ายเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองและกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
จากคำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า การชุมนุมของ กปปส.ตามคำร้องเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพกระทำในนามประชาชนที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ โดยมีเหตุสืบเนื่องมากจากการต่อต้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม และมาจากความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เป็นเพียงการเรียกร้อง แสดงพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนจำนวนมาก ยังไม่มีมูลกรณีเป็นการกระทำล้มล้างการปกครอง ส่วนกรณีการออกหมายจับนายสุเทพ และพวกเป็นเรื่องที่ผู้ต้องรับผิดชอบในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงมีมติไม่รับคำร้อง
ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นำพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว 9 แกนนำ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นจำเลยร่วมกันในคดีชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานดอนเมือง และ สุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 / เนื่องจากจำเลยได้สร้างความวุ่นวายด้วยการพากลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และ คปท.บุกไปยังสถานที่ราชการต่างๆ
โดยดีเอสไอ เห็นว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายว่าจะฝ่าฝืนเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวขอศาลอาญา จึงได้ยื่นหลักฐานประกอบคำร้อง เป็นคำถอดเทปปราศรัย คลิปเสียง และภาพนิ่ง เพื่อให้ศาลพิจารณา
ขณะเดียวกัน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยทั้ง 9 คน ได้ยื่นคำคัดค้านการขอเพิกถอนประกัน ซึ่งศาลได้รับคำร้องของทั้งสองฝ่ายไว้ พร้อมนัดไต่สวนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปีหน้า
