สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร
บรรยากาศการท่องเที่ยวบนผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แม้ในพื้นที่จะมีตำรวจตระเวนชายแดนรักษาความปลอดภัย แต่ถือว่าคึกคัก และทำให้บรรยากาศตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้านปราสาทพระวิหาร คลายความตรึงเครียดลงมากในรอบหลายปี
ร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังการตัดสินคดีปราสาทพระวิหารของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก เมื่อเดือน พ.ย. ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มมั่นใจในความปลอดภัยว่าจะไม่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งพวกเขาคาดหวังหลังจากนี้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ จะกำหนดแนวทางพัฒนาพื้นที่ร่วมกันเพื่อให้ชาวบ้านทั้ง 2 ประเทศสามารถไปมาหาสู่และค้าขายกันได้ตามปกติเหมือนในอดีต
ปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชาที่ยาวนานกว่า 4 ปี นับตั้งแต่การปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ในฝั่งไทยรวมถึงการสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชา จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ กระทั้งกัมพูชายื่นฟ้องให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาเรื่องเขตแดนใหม่ ซึ่งหลังคำตัดสินที่ออกมาในลักษณะให้ทั้ง 2 ประเทศร่วมกันแก้ปัญหาเขตแดนและพัฒนาพื้นที่ร่วมกัน คือสิ่งที่คนชายแดนเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดสันติภาพในพื้นที่
แม้จะยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหาพื้นที่พิพาท ตามแนวชายแดนไทย –กัมพูชาด้านปราสาทพระวิหารตามคำตัดสินของศาลโลก ของรัฐบาลไทย และกัมพูชา รวมถึงในพื้นที่ยังมีการวางกำลังของทหารทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ในพื้นที่ แต่ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน ยังคงต้องรอด้วยความหวังว่านับจากนี้แนวทางการแก้ปัญหาเรื่องเขตแดนของไทยและกัมพูชา จะสามารถคืนวิถีชีวิต การค้าขาย และความสัมพันธ์ของคนในพื้นที่ทั้ง 2ประเทศให้กลับคืนมาได้หรือไม่