ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

แนะรัฐบาลนำ “ประชานิยมค้าข้าว” ในอดีตเป็นบทเรียน

เศรษฐกิจ
7 ก.ค. 54
02:42
34
Logo Thai PBS
แนะรัฐบาลนำ “ประชานิยมค้าข้าว” ในอดีตเป็นบทเรียน

อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยเสนอให้รัฐบาลใหม่นำบทเรียนจากอดีตมาใช้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรและอุตสาหกรรมค้าข้าวทั้งระบบ

นโยบายรับจำนำข้าวที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มนโยบายประชานิยมของพรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณต่อการค้าข้าวแล้ว โดยพบว่า โกดังเก็บข้าวและโรงสีหลายแห่งไม่มีข้าวอยู่ในสต็อก และได้หยุดขายข้าวให้กับผู้ส่งออก ซึ่งนายมานัส กิจประเสริฐ อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ยอมรับว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หยุดขายข้าวให้กับผู้ส่งออกแล้ว เนื่องจากผลผลิตข้าวในพื้นที่ภาคกลางถูกเก็บเกี่ยวและขายไปจนหมด พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้กักตุนข้าวเพื่อฉวยโอกาสขายข้าวราคาแพง ตามนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาลใหม่ ที่เคยหาเสียงไว้ว่าจะรับจำนำข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิตันละ 20,000 บาท แต่ก็ยอมรับว่า ตลาดค้าข้าวรับรู้สัญญาณนี้มานานแล้ว
 
อุปนายกสมาคมโรงสีข้าวไทยระบุด้วยว่า ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นห่วงว่าระหว่างรอยต่อโครงการประกันรายได้กับการกลับไปใช้วิธีรับจำนำ อาจล่าช้ากว่าเดือนสิงหาคม ตามที่พรรคเพื่อไทยกำหนด เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ยังคงติดค้างชำระเงินประกันรายได้ให้กับเกษตรกรในหลายฤดูกาลผลิตที่ผ่านมา
 
ส่วนข้อเสนอในฐานะผู้ที่อยู่ในธุรกิจข้าว นายมานัสเห็นว่า รัฐบาลชุดใหม่นำข้อดีจากโครงการประกันรายได้มาปรับใช้ในโครงการรับจำนำ พร้อมนำบทเรียนจากโครงการรับจำนำในอดีตมาปรับปรุงและลดช่องว่าง ซึ่งอาจนำไปสู่การทุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร และอุตสาหกรรมค้าข้าวทั้งระบบ
 
ก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส. เคยเสนอผลการศึกษาเปรียบเทียบโครงการประกันรายได้เกษตรกรและรับจำนำข้าว พบว่า โครงการประกันรายได้ใช้งบประมาณแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรน้อยกว่า แต่ครอบคลุมจำนวนเกษตรกรมากกว่าโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวสามารถสร้างผลประโยชน์จำนวนมหาศาลให้กับผู้ประกอบการโรงสี บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว และผู้ส่งออกรายใหญ่เท่านั้น
 
ด้านนายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย ระบุว่า โครงการประกันรายได้และรับจำนำข้าวล้วนมีช่องว่างให้เกิดปัญหาทุจริตทั้งสิ้น โดยไม่สามารถช่วยให้ชาวนาไทยหลุดพ้นวังวนหนี้สิน ซึ่งรัฐบาลใหม่ควรปรับรูปแบบการและนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการและรายได้ของเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มประชากร ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นยากจน และเป็นกลุ่มที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง