ว่าที่ ส.ส.กทม.เพื่อไทยนัดกินอาหาร โต้ต่อรองตำแหน่ง
“ยิ่งลักษณ์” ระบุรายชื่อ ครม.จะชัดเจนหลัง กกต.ประกาศรับรองผล ยืนยันจะเป็นผู้พิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยตนเอง ขณะที่ว่าที่ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นัดรับประทานอาหารร่วมกัน สรุปปัญหาข้อร้องเรียนและภาพรวมการเลือกตั้งที่ผ่านมา พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้มีการหารือเพื่อต่อรองตำแหน่งในรัฐบาล
กลุ่มว่าที่ ส.ส.กรุงเทพมหานคร และผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย นำโดยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธาน ส.ส.ภาคกรุงเทพมหานคร, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อหลายคน นัดรับประทานอาหารร่วมกันที่โรงแรมเอสซี ปาร์ค โดยมีการหารือร่วมกัน ซึ่งนายวิชาญระบุว่า เป็นเพียงการหารือภาพรวมผลเลือกตั้งและเรื่องร้องเรียน พร้อมปฏิเสธข่าวการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีภายในพรรคของกลุ่ม หลังมีกระแสวว่าจะได้โควต้ารัฐมนตรีว่าการ 1 ตำแหน่ง
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อต่อรองโควต้ารัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่า จะเป็นประธานพิจารณาจัดตั้งคณะรัฐมนตรีด้วยตนเอง โดยไม่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีจากต่างประเทศอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่า จะสามารถพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผล ส.ส.อย่างเป็นทางการ และเมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นทางการแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ย้ำว่า หากได้รับโอกาส จะเข้าพบผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทุกคน โดยเฉพาะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
ขณะที่ในวันนี้ (11 ก.ค.) พรรคเพื่อไทยจะประชุมคณะทำงานยกร่างนโยบายโดยมีการทำแผนในนโยบายเร่งด่วน เช่น การลดภาษีนิติบุคคล จากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 23, โครงการรับจำนำข้าว, โครงการบัตรเครดิตชาวนา และการพักชำระหนี้ให้เกษตรกร รวมถึงการเพิ่มเงินกองทุนหมู่บ้าน
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย เพื่อขอหลักการตราพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภา ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ 30 วันหลังการเลือกตั้ง ส่วนการที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับความพยายามผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ควรให้โอกาสพรรคเพื่อไทยในการทำงาน เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถทำงานได้ตามที่สัญญากับประชาชนไว้
รศ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ มองว่า การทำงานของรัฐบาลในช่วงเวลา 2-3 เดือนแรก จะเป็นช่วงของการให้โอกาสทำงาน เปรียบเทียบกับช่วงฮันนีมูนของการแต่งงาน ซึ่งรัฐบาลชุดนี้อาจจะมีช่วงเวลาฮันนีมูนมากกว่ารัฐบาลชุดเดิม เพราะได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนมากกว่า แต่สิ่งที่จะทำให้มีปัญหา คือการดำเนินนโยบายการปรองดองให้เกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการใช้เสียงข้างมากลากไปในลักษณะเผด็จการรัฐสภา