I AM สารคดีค้นหาชีวิต
"เกิดอะไรขึ้นกับโลกของเรา" และ "เราจะทำอะไรให้โลกนี้ดีขึ้นได้บ้าง" คือโจทย์ที่ทอม แชดิแอก พาตัวเอง และผู้ชมไปค้นหาคำตอบตลอด 76 นาทีของภาพยนตร์สารคดีเรื่อง I AM หลังจากประสบการณ์เฉียดตาย ทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามต่อชีวิต และโลก
ความสงสัยของผู้กำกับมือทองของฮอลลีวู้ดคนนี้ เริ่มก่อตัวตั้งแต่ชีวิตที่ร่ำรวย จากความสำเร็จของภาพยนตร์คอเมดี้หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Nutty Professor, Bruce Almighty หรือ Patch Adams แต่เมื่อไม่มีความสุขกับชีวิต ทอมจึงบริจาคสมบัติส่วนใหญ่ทั้งแมนชั่น และเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวให้การกุศล แล้วมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่ที่เขาประสบอุบัติเหตุระหว่างขี่จักรยานไปทำงาน
ความทรมานจากอาการหลังสมองถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กระตุ้นให้ทอมถามตัวเองว่าชีวิตคืออะไร และเขาจะสามารถเหลืออะไรทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้บ้าง โดยทอมบอกว่าเขายังไม่อยากตายโดยที่ยังมีคำถามค้างคาไว้ในใจ และ I AM คือผลจากการพูดคุยเพื่อค้นหาคำตอบเหล่านั้น
สตีฟ ลี โจนส์ โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด กล่าวว่า ทุกวันนี้รสนิยมกระแสหลักของผู้ชมเริ่มเปลี่ยนจากหนังที่ให้เพียงบรรยากาศและความรู้สึกดีๆ มาเป็นหนังที่ทิ้งคำถามให้ผู้ชมคิดตามไปด้วย โดยทั้งคนเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงได้สอดแทรกสิ่งเหล่านี้ไว้ในหนังรุ่นใหม่ ทำให้การดูหนังที่มองโลกในแง่ดีสักเรื่องมีความหมายแฝงอยู่มากกว่าเดิม
ลี โจนส์ ยังให้ความเห็นว่า คนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยอยู่ในกรอบของพิธีทางศาสนาอย่างเคร่งครัด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้วิธีการมองโลกเปลี่ยนไป การดูภาพยนตร์สักเรื่องจึงไม่ได้หมายถึงความบันเทิงอย่างเดียว แต่ผู้ชมรุ่นใหม่ยังต้องการบางอย่างกลับไปคิดด้วย
I AM เล่าเรื่องการเดินทางรอบโลกเพื่อพูดคุยกับคนจากหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ แพทย์ ศิลปิน หรือนักเคลื่อนไหว เพื่อเรียนรู้ว่าความสำเร็จไม่ได้นำมาซึ่งความสุข ทว่าคำตอบที่ได้รับ อาจไม่ได้สร้างความประทับใจและฝากข้อคิดไว้กับทุกคนเสมอไป เช่น อลิสันจากหนังสือพิมพ์ไซน์ออนซานดิเอโก กล่าวว่า สิ่งที่ทอมค้นพบไม่ใช่เรื่องใหม่เลยหากศึกษาปรัชญาตะวันออก และสิ่งที่ทอมต้องการสื่อแทบไม่แตกต่างจากสิ่งที่นักคิดหลายคนเคยพูดไว้แล้ว แต่ทิ้งท้ายว่าสาระที่ปรากฎอยู่ในเรื่อง I AM ยังคงมีค่าพอจะนำมาเล่าใหม่ได้เสมอ