วันนี้ (9 ก.พ.2559) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เห็นชอบสนับสนุนให้รัฐบาลเข้าร่วมเจรจา และเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) หลังสอบถามความเห็นจากสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ กว่าร้อยละ 90 ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะกลุมยานยนต์ สิ่งทอ และเครื่องนุ่มห่ม
ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เช่น กลุ่มปศุสัตว์ ยาและเครื่องสำอาง ที่ประชุม กกร.เห็นว่า กลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ สามารถใช้ช่องทางเจรจาต่อรองแบบทวิภาคี และเงินเยียวยาจากกองทุนเอฟทีเอได้
นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากไทยไม่เป็นสมาชิกทีพีพี อาจสร้างความกังวลกับบริษัทข้ามชาติ และทบทวนขยายการลงทุน แต่ไม่ถึงกับย้ายฐานการผลิต
ขณะที่ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยไม่มีแรงกดดัน แต่จากการหารือและผลการศึกษาชี้ว่า ไทยจะเสียประโยชน์มากกว่า หากไม่เข้าร่วมการเจรจา TPP พร้อมระบุว่า การเป็นสมาชิก TPP จะช่วยให้ธุรกิจ และอุตสาหกรรมของไทย มีโอกาสแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีทั้งกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ ทั้งนี้ หากไทยเป็นสมาชิกในกลุ่ม TPP จะช่วยให้ GDP เพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.7 แต่หากไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เข้าร่วม TPP จะช่วยเพิ่มจีดีพีอีก ร้อยละ 1.06 ต่อปี