วันนี้ (9 ก.พ. 2559) นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการแทนรองเลขาธิการ กสทช. เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) มีมติเอกฉันท์ให้เพิกถอนใบอนุญาตทีวีดิจิทัลของ บริษัทไทยทีวี จำกัด โดยมอบหมายให้สำนักงาน คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทำหนังสือแจ้งไปยัง บริษัท ไทยทีวี ให้รับทราบมติดังกล่าวภายใน 1-2 วัน
นายสมบัติ กล่าวต่ออีกว่า ทางบริษัท ไทยทีวี จำกัด ต้องนำเงินค่าประมูลทีวีดิจิทัล ที่ค้างทั้งหมดอีก 5 งวดจากทั้งหมด 6 งวด รวม เป็นเงิน 1,634 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม มาให้ กสทช.จ่ายภายใน 30 วัน นับจากได้รับคำสั่ง นอกจากนี้ จะเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมทั้งค่าปรับ จากการจ่ายเงินค่าประมูลงวดที่ 2 ล่าช้า นับตั้งแต่ วันที่ 25 พ.ค. 2558 รวมทั้งค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตรายปีร้อยละ 2 ของรายได้ที่ประกอบกิจการ
“หากบริษัทไทยทีวีไม่นำเงินมาชำระ สำนักงาน กสทช.จะใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกให้ธนาคารกรุงเทพ ผู้ออกหนังสือค้ำประกันหรือแบงก์การันตี มาชำระเงินค่าธรรมเนียมที่ค้างจ่ายแทนบริษัทไทยทีวีต่อไป” รักษาการแทนรองเลขาธิการ กสทช. ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตและการเรียกชำระเงินค่าประมูลทั้งหมด เป็นการพิจารณาของ บอร์ด กสท. ซึ่งเป็นการทำงานคนละขั้นตอน กับคณะทำงานแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลของสำนักงาน กสทช.ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
ด้าน นายสุชาติ ชมกุล ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทไทยทีวี จำกัด กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือเพิกถอนใบอนุญาตจาก กสทช. ไทยทีวีจะทำหนังสือคัดค้านการยึดเงินจากแบงก์การันตี และจะยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองดำเนินการไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากกรณีดังกล่าว เนื่องจากในคดีที่ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ฟ้องคดี กสทช.ต่อศาลปกครองกลาง กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ปฏิบัติงานเปลี่ยนผ่านตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้ โดยเรียกค่าเสียหาย 713 ล้านบาท ปัจจุบันคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
ขณะที่ นายสุวรรณ แทนสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจาก กสทช. แต่ในการยึดแบงก์การันตีต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการทางกฏหมาย และความยินยอมของทางไทยทีวีด้วย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว