วันนี้ (11 ก.พ.2559) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงาน 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษ โอกาสทองสู่ เออีซี ว่า การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะเน้นการสร้างคลัสเตอร์ในพื้นที่ โดยจากการหารือของกระทรวงวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เตรียมใช้พื้นที่ในโซนอยุธยา และปทุมธานี ที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับเกษตรเพื่อสร้างเป็นศูนย์นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต และเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน อาจต้องอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้อุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีอยู่แล้ว
ขณะเดียวกันไทยมีปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศ เพราะว่าสามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศอื่นได้ ซึ่งไทยมีศักยภาพในการเป็นเกตเวย์เชื่อมต่อสู่อาเซียน จึงต้องการให้มีการประชุมกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพดี หรือ CLMV และไทย ในกลางปีนี้ เพื่อดึงการลงทุนเข้ามา และให้ เอสเอ็มอี สามารถพัฒนาแบรนด์ ยกระดับสินค้าไทยให้เกิดความเชื่อมั่นในตลาด โดยจับมือกับประเทศในกลุ่มอาเซียนสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
ขณะที่มุมมองภาคเอกชนนางจันทรา บูรณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลพัฒนาการคมนาคมขนส่งเพื่อความสะดวกขนส่งสินค้า การทำธุรกรรมการเงินระบบการเงิน เร่งเดินหน้าสร้างศูนย์กลางข้อมูลของกรมศุลกากรโดยเชื่อมกับหลายหน่วยงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับภาคธุรกิจ
นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นโอกาสและความท้าทาย เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ โดยจากการศึกษาการเติบโต จีดีพี น่าจะโตมากกว่าร้อยละ 50 และคนจะมีกำลังซื้อมากขึ้นภายในระยะเวลา 5 ปี และส่งผลต่อการเติบโตของ จีดีพี ในพื้นที่ดังกล่าวร้อยละ 5-10 ขณะที่ปัญหาของไทย คือเด็กรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจในการเริ่มทำธุรกิจ ซึ่งรัฐบาลควรเร่งสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจ