รายงานดัชนีความสุขนี้จัดทำโดยเครือข่ายส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ การเปิดเผยรายงานเมื่อวานนี้ (16 มี.ค.2559) ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมวันความสุขโลกขององค์การสหประชาชาติ (UN World Happiness Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 20 มี.ค.ของทุกปี
รายงานดัชนีความสุขจัดทำเป็นครั้งแรกในปี 2555 โดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จะให้คะแนนจากหลายมิติทั้งทางเศรษฐกิจ สุขภาพจิต สุขภาพ นโยบายสาธารณะสำหรับปีนี้ประเทศที่มีคะแนนความสุขสูงสุด 10 อันดับแรก คือ
1.เดนมาร์ก
2.สวิตเซอร์แลนด์
3.ไอซ์แลนด์
4.นอร์เวย์
5.ฟินแลนด์
6.แคนาดา
7.เนเธอร์แลนด์
8.นิวซีแลนด์
9.ออสเตรเลีย
10.สวีเดน
โดยเดนมาร์กไต่ขึ้นจากอันดับ 3 ในการจัดอันดับปี 2558 มาอยู่ที่อันดับ 1 ในปีนี้โดยได้คะแนน 7.526 จากคะแนนเต็ม 10 ขณะที่สวิตเซอร์แลนด์ได้ตกจากอันดับ 1 มาเป็นอับดับ 2 ด้วยคะแนน 7.506 ส่วนประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 33 (6.474 คะแนน) เป็นรองฝรั่งเศสซึ่งอยู่อันดับที่ 32 และชนะซาอุดิอาระเบียที่ตามมาเป็นอันดับที่ 34
ส่วนประเทศที่มีความสุขน้อยที่สุด 10 ประเทศ ได้แก่ มาดากัสการ์, แทนซาเนีย, ไลบีเรีย, กีนี, รวันดา, เบนิน, อัฟกานิสถาน, โตโก, ซีเรีย และบุรุนดีซึ่งอยู่อันดับสุดท้ายที่ 157
รายงานฉบับนี้ยังได้ยกตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการทำให้ "ความสุข" เป็นเป้าหมายของการกำหนดนโยบายสาธารณะ ซึ่งได้แก่ ภูฏาน เอกวาดอร์ อาหรับเอมิเรสต์ และ เวเนซูเอลา ซึ่งได้แต่งตั้งตั้งรัฐมนตรีที่ดูแลภารกิจด้านการเสริมสร้างความสุขโดยตรง
ผู้จัดทำรายงานระบุด้วยว่า จากการเก็บข้อมูลวิจัยอย่างกว้างขวางทำให้สรุปได้ว่า ประเทศที่มีความเท่าเทียมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ประชากรจะมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่า ดังนั้นสิ่งที่แต่ละประเทศควรให้ความสำคัญก็คือนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียม ข้อค้นพบอีกประการหนึ่งคือ การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความสุข ประเทศที่มีดัชนีความสุขสูงเป็นอันดับต้นๆ ล้วนเป็นประเทศที่เข้าใกล้เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน