วันนี้ (27 เม.ย. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลกระทบถึงช้างในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ที่ ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จนหลายตัวต้องออกจากป่ามาหาแหล่งน้ำและอาหารตามบ้านเรือนประชาชน และแม่น้ำแควใหญ่ แต่ไม่ทำร้ายชาวบ้านเพราะช้างกลุ่มนี้มาเป็นประจำทุกปี
นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนัน ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า จากการสำรวจช้างโลงนี้จะมีอยู่ประมาณ 20-30 ตัว ซึ่งมักจะออกมาหาอาหารและแหล่งน้ำอยู่เป็นประจำ ที่ผ่านมาได้จัดชุดเฝ้าระวังและจัดเวรยาม ซึ่งเป็นชาวบ้านร่วมกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ มาคอยอำนวยการจราจรในช่วงเวลาที่ช้างจะข้ามถนนเพื่อไปหาน้ำกินในแม่น้ำ
ขณะที่ นายปิยะ กัญญาพันธ์ หัวหน้าหมวดทางหลวงลาดหญ้า กล่าวว่า หลังลงพื้นที่สำรวจจุดที่ช้างป่าใช้ข้ามถนน พบว่าบริเวณดังกล่าวมีต้นไม้ขึ้นบดบัง อาจทำให้รถบนถนนที่วิ่งไปมามองไม่ช้างที่กำลังข้าม จนอาจเกิดอันตรายแก่คนและช้างได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ควาญช้างในศูนย์คชศึกษา องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมป์ ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ต้องขับรถบรรทุกน้ำจากนอกพื้นที่มาให้ช้าง 250 เชือก ดื่ม เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนระอุทำให้น้ำประปาในศูนย์คชศึกษาแห้งขอด ไหลน้อย และไม่เพียงพอต่อปริมาณช้างที่มีอยู่ ขณะเดียวกันแหล่งน้ำที่เจ้าหน้าที่ไปสูบน้ำมาใช้นั้นเหลือน้อยลงทุกขณะ โดยเฉพาะที่วังทะลุ แม่น้ำมูล ที่แห้งแล้งหนักสุดในรอบ 30 ปี เหลือน้ำขังอยู่บางจุดเท่านั้น
นายชัย อินทร์สำราญ ควาญช้าง ใน อ.ท่าตูม กล่าวว่า ในแต่ละวันช้างต้องการน้ำประมาณ 1 โอ่งใหญ่ต่อ 1 เชือก แต่ทุกวันนี้หาน้ำให้ช้างได้ลำบาก อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือ
จากรายการ : ร้องทุก(ข์)ลงป้ายนี้ ไทยพีบีเอส