วันนี้ (17 พ.ค.) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกายเดินทางมายื่นหนังสือขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาของพระธัมมชโยโดยระบุว่า เมื่อเวลาประมาน 07.00 น.แพทย์ผู้ทำการรักษาได้ให้ยาเพื่อรักษาอาการอาพาธ แต่พระธัมมชโยมีอาการแพ้ยาอย่างรุนแรงส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและมึนงง ซึ่งทีมแพทย์เห็นว่ายังไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ได้ และสมควรให้พักรักษาอาการอีกประมาณ 2 เดือน
นอกจากนี้นายสัมพันธ์ยังได้นำเอกสารเวชระเบียนและหนังสือมอบอำนาจขอเปลี่ยนสถานที่แจ้งข้อกล่าวหามามอบให้พนักงานสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ โดยในส่วนของหนังสือมอบอำนาจเป็นการลงนามด้วยตนเองเนื่องจากได้รับมอบอำนาจจากพระธัมมชโยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2559
นายสัมพันธ์ระบุว่าการขอเลื่อนแจ้งข้อกล่าวหาครั้งนี้ไม่ใช่การประวิงเวลาแต่พระธัมมชโยมีอาการอาพาธจริงและพร้อมให้ดีเอสไอจัดหาทีมแพทย์จากหน่วยงานอื่นที่เป็นกลางเข้ามาตรวจร่างกายได้ทุกเวลา
ส่วนกรณีภาพของพระธัมมชโยในสื่อสังคมออนไลน์ที่ยังสามารถยืนปฏิบัติภารกิจได้เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2559 ซึ่งข้ดแย้งกับความเห็นของแพทย์ว่าต้องนอนรักษาตัวไม่สามารถเดินได้ นายสัมพันธ์ระบุว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าว แต่อาจจะเป็นภาพเก่าที่นำมาเผยแพร่เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยภายหลังจากรับเอกสารจากทนายความว่า จากการตรวจสอบเวชระเบียนการรักษาที่่ทนายความวัดพระธรรมกายนำมายื่นเพิ่มเติม พบว่าไม่สอดรับกับใบรับรองแพทย์ที่ออกโดยคลินิกที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัดพระธรรมกาย จึงเตรียมขออำนาจศาลอาญารัชดาภิเษกอนุมัติออกหมายจับภายในวันนี้
ส่วนสาเหตุที่ดีเอสไอยังไม่นำแพทย์จากภายนอกเข้าไปตรวจร่างกายพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกายเนื่องจากต้องรอคำสั่งศาลก่อน และเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ไม่เดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดเนื่องจากการขออกหมายจับครั้งที่ผ่านมาศาลไม่อนุมัติ แต่ให้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งทางดีเอสไอทำตามขั้นตอนแล้ว แต่พระธัมมชโยไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาจึงดำเนินการขอหมายจับอีกครั้ง
ขณะที่ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า ทางพนักงานสอบพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนกิจและอาการอาพาธของพระธัมมโยแล้ว เชื่อว่าสามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้