เมียนมาส่งผู้อพยพ 150 คนกลับบังกลาเทศ
นายซอว์ นาย รองผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเขตหม่องดอว์ของเมียนมา ระบุว่า ทางการเมียนมาใช้รถบรรทุกลำเลียงผู้อพยพชาวโรฮิงญาจำนวน 150 คนออกจากศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อส่งตัวกลับไปบังกลาเทศ หลังเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบตามข้อมูลสัญชาติของผู้อพยพ ขณะที่ผู้อพยพอีกหลายร้อยคนยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ห่างไกลของเมียนมาต่อไป
หนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมา รายงานว่า ตำรวจเมียนมาจับกุมสมาชิกเครือข่ายลักลอบค้ามนุษย์ในรัฐฉาน เมืองมัณฑะเลย์และนครย่างกุ้งได้ทั้งหมด 93 คน ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา แต่ไม่พบเครือข่ายดังกล่าวในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้อพยพชาวโรฮิงญาหลบหนีออกจากเมียนมา โดยตลอดระยะเวลา 5 เดือนแรกของปี 2558 อัตราการค้ามนุษย์ในเมียนมาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557
ด้านตำรวจบังกลาเทศ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้วิสามัญฆาตกรรมนายอะมานูลาห์ ชายชาวโรฮิงญา ระหว่างการต่อสู้กับกลุ่มค้ามนุษย์ 2 กลุ่มในเมืองเต็กนาฟ ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายผู้อพยพ 2 แห่ง เนื่องจากชายคนดังกล่าวอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ค้ามนุษย์ของกระทรวงมหาดไทยของบังกลาเทศ
ภายหลังเกิดเหตุ หัวหน้าชุมชนโรฮิงญาในค่ายผู้อพยพนายาปารา ระบุว่า นายอะมานูลาห์ถูกตำรวจควบคุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.2558) เวลา 16.00 น.และถูกเจ้าหน้าที่สังหารอย่างโหดเหี้ยมช่วงเช้าวันนี้ (8 มิ.ย.2558)
ทั้งนี้ ตำรวจในเมืองเต็กนาฟวิสามัญฆาตกรรมผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับการลักลอบค้ามนุษย์ไปแล้วอย่างน้อย 5 คน ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชาวบ้านระบุว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะที่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะชาวมาเลเซีย อินโดนีเซียและบรูไน ต่างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดที่ชาวพุทธในเมียนมาต่อต้านชาวมุสลิมโรฮิงญาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจและการลงทุน แต่กลุ่มธุรกิจต่างๆเลือกที่จะดำเนินธุรกิจในเมียนมาต่อไป เพื่อขยายธุรกิจก่อนเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เนื่องจากเมียนมาเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพมาก