จากกรณีที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดที่จะตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีรายได้ไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท และต้องมีสินทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาทเท่านั้น ถึงจะได้รับค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้วันนี้ (17 พ.ค.2559) เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ออกมาแถลงไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะเป็นการถอยหลังตกคลอง สร้างความไม่เท่าเทียมในสังคม และจำกัดสิทธิการคุ้มครองขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นการจัดสวัสดิการถ้วนหน้ามาเป็นการเลือกจ่ายแบบสงเคราะห์แทน
น.ส.แสงศิริ ตรีมรรคา ตัวแทนเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เห็นว่า เหตุผลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ระบุว่าแนวโน้มผู้สุงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จึงต้องปรับเงื่อนไขการจ่าย เป็นแนวคิดที่ผิดและให้ความสำคัญกับข้าราชการมากกว่าสวัสดิการของประชาชน
นอกจากนี้ เครือข่ายฯ ยังตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจะประเมินได้อย่างไรว่า ผู้สูงอายุคนไหนรวยหรือจน รัฐบาลไม่ควรใช้ระบบแยกแยะคนจนด้วยการสงเคราะห์แทนการจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้า จึงเรียกร้องให้รัฐบาล หาแนวทางจัดหารายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าตัดลดสวัสดิการของประชาชน ปฏิรูประบบจัดเก็บภาษี และเดินหน้าระบบบำนาญแห่งชาติเพื่อเป็นฐานสร้าวคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน