ในเฟซบุ๊กของ Sunshine Sketcher โพสต์ข้อความระบุว่า
ฉลามในจานท่านคือจุดจบของท้องทะเล
นี่คือภาพโฆษณาร้านอาหารทะเลมีชื่อแห่งหนึ่งที่มีสาขากลางกรุงเทพฯ หลายแห่ง หยิบเอาฉลามมาเป็นจุดขาย เพราะความแปลก
ภาพแรกน่าจะเป็น Spot-tail Shark ในกลุ่มฉลามหูดำ ตัวไม่เต็มวัย อีกภาพคือปลาฉลามหัวบาตร Bull Shark ตัวจิ๋วน่าจะอยู่ในวัย neonate เพิ่งคลอดจากท้องแม่
พร้อมคำโปรย "LIKE &SHARE" ลุ้นทานฟรี!!!! ฉลาม กระเบน หอยนางรมสด แมงดา มีหมด ขนมาทั้งทะเล มาให้ทานแบบ "ไม่อั้น!!"
ถามว่าร้านทำผิดกฏหมายหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่ผิด
แต่ถ้าถามว่า ร้านมีจริยธรรมคำนึงถึงความยั่งยืนของท้องทะเล แหล่งวัตถุดิบของร้านเองหรือไม่ อันนี้ผู้บริโภคน่าจะตอบได้
สิ่งที่เกิดขึ้นคือความล้าหลังเรื่องการอนุรักษ์ทะเลทั้งในเชิงกฏหมายและจิตสำนึก ถ้ามีการพบลูกเสือโคร่ง เสือดาวถูกชำแหละ วางขายหราในร้านอาหาร รับรองได้ว่า ข่าวทุกสำนักคงจะเอาพาดหน้าหนึ่ง ทลายแหล่งค้าสัตว์ป่า
แต่การค้าขายฉลามกลับทำได้อย่างเปิดเผย ทั้งๆ ที่ผลกระทบต่อระบบนิเวศไม่ต่างกันเลย ฉลามทำหน้าที่ควบคุมสมดุลระบบนิเวศ และเป็นดัชนีชี้ความสมบูรณ์ของท้องทะเล ไม่นับเรื่องผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวจากการเป็นจุดขายนักดำน้ำ
แม้ฉลามจะเป็นปลาแต่โตช้าและออกลูกคราวละไม่กี่ตัวเท่านั้น ปลาฉลามหลายชนิดจึงอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ ข้อมูลจากงานวิจัยปลาฉลามที่ขึ้นที่ท่าเรือทางฝั่งอันดามันชี้ว่ามีปริมาณลดลงกว่า 90 % ภายในเวลาแค่ 10 ปี สิ่งนี้บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ประชากรฉลามในบ้านเราอยู่ในภาวะล่มสลายแล้ว
แต่ก่อนเราห่วงเรื่องของหูฉลาม รณรงค์กันมานับสิบปี จนเริ่มเห็นความหวังว่าความต้องการบริโภคหูฉลามเริ่มลดลง แต่ปัจจุบันฉลามสามารถขายได้ทั้งตัว และกลายเป็นเมนูเปิบพิศดารของคนเมือง
มันสมควรแล้วหรือ