เมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.2559) ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เปิดเผยภายหลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 44 ว่า ขอบคุณนักฟุตบอลทุกคน และทีมงานสต้าฟโค้ช ที่ช่วยกันทำงานอย่างหนัก แม้ว่าเกมแรกอาจจะมีผิดหวังบ้าง แต่พยายามปรับปรุงแก้ไข และจะเห็นว่าในนัดนี้นักฟุตบอลทุกคนสู้ ส่วนเรี่ยวแรงอาจมีล้าไปบ้าง เพราะเป็นการแข่งขันแบบวันเว้นวัน ขอบคุณ 2 ประตูที่ทุกคนช่วยกัน เป็นความสุขของแฟนฟุตบอลชาวไทย และเหนือสิ่งอื่นใด ต้องการถ้วยนี้ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ จะนำนักฟุตบอลทีมชาติไทยเดินทางไปถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วย
ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพถือเป็นด่านทดสอบก่อนจะเข้าฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดและจุดที่ยังต้องปรับปรุงอยู่ ขอให้ช่วยกันสะท้อนออกมา โดยต้องการเห็นทีมชาติไทยแข็งแกร่งขึ้นมา ซึ่งยังมีเวลาอีก 3 เดือนในการเตรียมตัว ขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจ รู้ว่าอันดับของทีมชาติไทยด้อยที่สุดใน 12 ทีมเอเชีย แต่จะสู้กับเขายังไง คงไม่สามารถบอกว่าจะเก็บ 3 คะแนนได้ทุกเกม แต่จะสู้กับทุกทีมที่มองข้ามและประมาททีมชาติไทย ฉะนั้น ต้องงานอย่างหนัก และขอบคุณทุกสโมสรที่ส่งนักฟุตบอลมาร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ และขอบคุณครอบครัวนักฟุตบอลที่คอยติดตามและให้กำลังใจ และขอบคุณทุกฝ่ายและทุกคน
ซิโก้ เกียรติศักดิ์ กล่าวถึงการคว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพในรอบ 9 ปีว่า เป็นความรู้สึกดีใจเล็กๆ เพราะว่าอยากเห็นธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทยได้ไปรับถ้วยพระราชทานต่อหน้าผู้แทนพระองค์ อยากเห็นถ้วยพระราชทานคิงส์คัพอยู่ที่เมืองไทย อยากเห็นรอยยิ้่มนักฟุตบอลที่ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกาย ส่วนสิ่งที่เป็นรางวัลในฐานะโค้ช รู้สึกดีใจ ขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างหนัก โดยทั้ง 3 ทีมที่มาร่วมแข่งขัน เล่นระบบ 4-4-2, 4-2-3-1 บางครั้งต้องเปลี่ยนยุทธวิธี เวลาจะเจาะไม่ง่ายเหมือนเล่นในอาเซียน และพยายามบอกนักฟุตบอลว่าต่อไปจะต้องสู้แรงเบียดกับยักษ์ในเอเชีย จะต้องเจอแรงเสียดทานที่หนัก