กสทช.เผยสัดส่วนผู้ชมช่องดิจิทัลทีวีขยับใกล้ช่องเดิม-รายการกีฬาดันเรตติ้งช่องใหม่พุ่ง

วันนี้ (21 มิ.ย.2559) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) รายงานข้อมูลสภาพตลาดกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล (ดิจิทัลทีวี) เดือน มิ.ย.2559 ว่า จนถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2559 สัดส่วนผู้ชมดิจิทัลทีวีเริ่มขยับเข้าใกล้ผู้ชมช่องรายการเดิม คือ ช่อง 3, 5, 7, 9, NBT และ ThaiPBS โดยสัดส่วนผู้ชมดิจิทัลทีวีขึ้นมาอยู่ที่ 46.29% และผู้ชมช่องรายการเดิมอยู่ที่ 53.71% สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเริ่มหันมาดูดิจิทัลทีวี ซึ่งเป็นช่องใหม่มากขึ้นเกือบจะเท่าช่องเดิม

ทั้งนี้ ในเดือน มิ.ย.ได้มีการแข่งขันกีฬาจากในประเทศและต่างประเทศซึ่งเป็นที่นิยมของผู้รับชม โดยช่องรายการต่างๆ ได้มีการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาเพื่อให้ผู้ชมได้รับชม พบว่าประชาชนยังคงมีความนิยมต่อการรับชมรายการโทรทัศน์ประเภทการแข่งขันกีฬาเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการออกอากาศทางช่องรายการเดิมหรือช่องรายการใหม่ เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพระหว่างไทยกับซีเรีย ออกอากาศช่องไทยรัฐทีวี ทำค่าความนิยม (เรตติ้ง) สูงสุดถึง 6.072 ซึ่งการถ่ายทอดสดฟุตบอลคิงส์คัพครั้งนี้ ทำให้อันดับความนิยมของช่องไทยรัฐทีวีเพิ่มขึ้นจากอันดับ 10 ในเดือน พ.ค.ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 7 ในเดือน มิ.ย.

นอกจากนี้ การถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเล่ย์บอลโอลิมปิก 2016 ทางช่อง Workpoint ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เรตติ้งของช่องเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนและหลังที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขันวอลเลย์บอลโอลิมปิก 2016 โดยคู่การแข่งขันที่ทำให้เรตติ้งของช่อง Workpoint สูงสุด เป็นคู่ของไทยกับญี่ปุ่น เรตติ้งขึ้นมาที่ 7.625 และคู่ไทยกับเปรู เรตติ้งขึ้นมาอยู่ที่ 7.513

สำหรับเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นนั้น มีความเป็นไปได้ว่าทิศทางจากนี้ช่องดิจิทัลทีวีจะหันมาถ่ายทอดสดกีฬาและซื้อลิขสิทธิ์กีฬาต่างๆ เพื่อออกอากาศมากขึ้น ซึ่งกรณีของโอลิมปิกก็น่าจะทำให้เรตติ้งแต่ละช่องขยับสูงขึ้น รายได้ค่าโฆษณาที่จะเข้าสู่ช่องต่างๆ น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย ด้านมูลค่ารวมจากการโฆษณาดิจิทัลทีวีเดือน พ.ค. 2559 อยู่ที่ 1,696 ล้านบาท และช่องเดิมอยู่ที่ 4,640 ล้านบาท รวมเป็น 6,336 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าโฆษณารวมที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3%