นายเดวิด แคเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางไปลงประชามติครั้งสำคัญในกรุงลอนดอน เพื่อร่วมกำหนดอนาคตของอังกฤษว่าจะยังคงอยู่ร่วมกับอียูต่อไปหรือไม่ โดยผู้นำอังกฤษถือเป็นหนึ่งในแกนนำคนสำคัญที่สนับสนุนการคงอยู่ในอียูต่อไป
นอกจากนี้ยังมีนักการเมืองฝ่ายสนับสนุนคนอื่นๆอย่างนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานอังกฤษ และนางนิโคลา สเตอร์เจียน ผู้นำสกอตแลนด์ ได้เดินทางออกมาใช้สิทธิ์แล้วเช่นกัน เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 มิ.ย.2559) ตามเวลาท้องถิ่น
ก่อนหน้านี้ผู้นำสกอตแลนด์ ประกาศอย่างชัดเจนว่าถ้าอังกฤษแยกตัวออกจากอียูอาจทำให้สกอตแลนด์เคลื่อนไหวให้มีการทำประชามติแยกตัวเป็นอิสระจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง หลังจากการทำประชามติแยกตัวล้มเหลวไปเมื่อปี 2557
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนการแยกตัวออกจากอียูอย่างนายไนเจล ฟาราจ หัวหน้าพรรคยูเค อินดีเพนเดนซ์ หรือ ยูคิป ให้สัมภาษณ์ในระหว่างเดินทางไปลงประชามติครั้งนี้ว่า เขาหวังที่จะได้ร่วมใช้สิทธิ์ลงประชามติแยกตัวมาตลอดชีวิต ทำให้รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการลงประชามติในประเด็นเรื่องสมาชิกภาพของอังกฤษในอียู หรือประชาคมเศรษฐกิจยุโรปในขณะนั้น เมื่อปี 2518 หรือเมื่อ 41 ปีที่แล้ว
สำหรับท่าทีของนานาชาติต่อการลงประชามติในครั้งนี้ ล่าสุดนางหัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลกำลังจับตาดูผลการลงประชามติครั้งนี้อย่างใกล้ชิดและจีนจะเคารพการตัดสินใจของชาวอังกฤษ แต่ก็หวังว่าจะเห็นอียูที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ส่วนตลาดหลักทรัพย์ในนครแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนี เปิดตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 หลังจากอังกฤษเปิดคูหาลงประชามติครั้งสำคัญ เมื่อเวลา 07.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น
ขณะที่นายไมเคิล อินแกรม นักวิเคราะห์ด้านการเงินชาวอังกฤษ ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ในสหราชอาณาจักรเปิดตลาดภาคเช้าในแดนบวก เนื่องจากมีความเป็นไปได้น้อยที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากอียู แม้ว่านักลงทุนบางส่วนยังคงกังวลใจต่อผลการลงประชามติก็ตาม
ด้านอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินปอนด์ สเตอริง ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และสูงกว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากอ่อนค่าลงตํ่าที่สุดในรอบ 2 เดือน ส่วนตลาดหลักทรัพย์ในญี่ปุ่น จีนและฮ่องกง ปิดตลาดในแดนบวก ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากต่างเฝ้ารอการประกาศผลการลงประชามติอย่างใกล้ชิด