วันนี้ (4 ก.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีนายจ้างแจ้งความดำเนินคดีกับลูกจ้างกล่าวหาว่าลักทรัพย์ 10 ล้านบาท พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า หลังจากผู้เสียหายที่เป็นลูกจ้างได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบแล้ว ก็ได้สอบปากคำทั้งผู้เสียหาย และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบปากคำเด็กสาวชาวเขาที่ศูนย์ประชาบดีได้ให้ข้อมูลมาว่าอดีตนายจ้าง คือ นางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ ได้ไปรับเด็กมาทำงาน โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้หากพบหลักฐานที่เป็นประโยชน์และรื้อฟื้นคดีได้ทางกองปราบปรามก็จะดำเนินการ โดยในวันนี้ ได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น ที่เกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีของผู้เสียหายเข้าให้ปากคำที่กองปราบปราม ส่วนจะสอบปากคำจะเป็นประเด็นใดไหนบ้างไม่ขอเปิดเผย
สำหรับคดีนี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการโดยเร็ว เนื่องจากเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
ตำรวจยังตรวจสอบหนังสือเดินทางของนายจ้าง เบื้องต้นพบว่า อดีตนายจ้างรายนี้มีการเดินทางไปหลายประเทศ นอกจากนี้ยังพบข้อมูลว่าได้ใช้หนังสือเดินทางสำหรับเดินทางเข้าออกประเทศ 2 เล่ม ซึ่งพบว่าเป็นหนังสือเดินทางสำหรับบุคคลธรรมดา หน้าปกสีน้ำตาล และหนังสือเดินทางที่ออกให้สำหรับข้าราชการ หน้าปกสีน้ำเงิน เท่านั้น โดยกองปราบปราบได้ทำหนังสือไปยังกรมการกงสุลว่าผู้ใดเป็นผู้ออกหนังสือเดินทางให้ และใช้เอกสารใดยื่นขอหนังสือเดินทางสำหรับข้าราชการให้กับอดีตนายจ้างรายนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมกันนี้อาจต้องประสานเจ้าหน้าที่กงการกงสุลที่เกี่ยวข้องในการออกหนังสือเดินทางมาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้านนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปิดเผยว่า ไม่น่าเกินวันที่ 5 ก.ค.นี้ จะรวบรวมพยานบุคคลและพยานเอกสารทยอยเข้าให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ "หญิงไก่" ซึ่งเป็นนายจ้างที่ลูกจ้างอายุ 19 ปี ได้เข้าร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามว่าถูกนายจ้างหญิงรายนี้แจ้งข้อหาลักทรัพย์กว่า 10 ล้านบาท ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด