พลิกโผโพลล์นางงามแทบทุกสำนัก เพราะหญิงสาวที่คว้ามงกุฏมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีนี้ กลายเป็น "น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์" สาวงามหน้าสวยคมวัย 21 ปี หักปากกาเซียนที่ก่อนหน้านี้ทั้งเว็บไซต์นางงามไทยและเทศต่างเก็งให้ กุสุมา ชาวดอน นางแบบสาวไทยระดับอินเตอร์ คว้าตำแหน่งใหญ่ หากทำได้สูงสุดเพียงเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย หยุดเส้นทางบนเวทีนางงามไปอย่างพลิกล็อค
แม้ชั่วโมงบินอาจไม่มากนักด้วยเป็นเวทีนางงามแรกในชีวิต หากแต่เสน่ห์โครงหน้าแบบสาวเอเชีย โหนกแก้มสูง กรามชัด และสัดส่วน 34-24-36 ดูจะเป็นจุดเด่นของสายสะพายประเทศไทยปีนี้ ซึ่งในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญวงการนางงาม การจะเฉือนเอาชนะบนเวทีโลกอย่างมิสยูนิเวิร์สได้นั้นไม่ใช่เเค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก จึงต้องติดอาวุธเพิ่มเติมให้ครบเครื่องทั้งเรื่องราวส่วนตัวที่น่าสนใจ เพราะสู้ชีวิตทำงานเลี้ยงครอบครัวมาแต่เด็ก รวมถึงเพิ่มความมั่นใจการเดินและตอบคำถามบนเวที
นอกจากแรงเชียร์จากแฟนนางงามในบ้านเรา การประกวดปีนี้ยังเป็นที่จับตาจากต่างชาติมาตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ที่มีวัฒนธรรมการชมนางงามเหนียวแน่น และมีแนวโน้มเป็นเจ้าภาพจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สในปีถัดไป มีเว็บไซต์นางงามที่ปักหลักติดตามการประกวดในไทยตั้งแต่รอบเก็บตัวจนถึงวันตัดสิน
มีการจัดโพลล์ตัวเต็ง 5 อันดับแรกจากแฟนนางงามหลายชาติ พร้อมบทวิเคราะห์ถึงผู้ชนะสาวไทยในมุมมองคนฟิลิปปินส์ว่าตัวแทนไทยปีนี้ ทำให้คนไทยได้รู้ว่ายังมีความงามรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่ความขาวและยังนำไปเปรียบเทียบกับตัวแทนสาวงามของศรีลังกาปี 2012 ที่ได้รางวัลชุดประจำชาติอันดับที่ 3 จากเวทีมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งกระแสการยอมรับของเวทีนางงามไทยในต่างแดนส่วนหนึ่งมาจากความสำเร็จเมื่อปีที่แล้ว ที่สาวไทยเข้าถึงรอบ 10 คนสุดท้ายมิสยูนิเวิร์สในรอบ 27 ปี ทำให้ปีนี้สาวงามจากไทยกลายเป็นม้าในสายตากรรมการและแฟนนางงามในระดับสากล
แรงกดดันและการเปรียบเทียบที่ตามมาทันทีหลังได้มงกุฏ เป็นเพียงความท้าทายแรกของตัวนางงามและกองประกวดไทยที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในเวทีสากล ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเวทีนางงามที่มีเรื่องของธุรกิจ กระแสบนสื่อสังคมออนไลน์และสปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ผลการตัดสินสุดท้ายก็ดูยากที่จะคาดเดาได้ ทำให้นางงามเองมีแต่จะต้องเตรียมพร้อมให้รอบด้าน ทำผลงานให้เป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง