วันนี้ (26 ก.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยผลการศึกษาการระบายข้าวในคลังของรัฐ พบว่ายอดขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเป็น 549,000 ล้านบาท จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 542,000 ล้านบาท พร้อมเปรียบเทียบการระบายข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าขายราคาต่ำกว่าตลาดถึงร้อยละ 29 ขณะที่รัฐบาล คสช.ขายต่ำกว่าตลาดร้อยละ 20
นายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลระบายข้าวได้เพียง 7,500,000 ตัน ถือว่าช้าเนื่องจากในปี 2557 ติดปัญหาการฟ้องร้องคดีเเละต้องรอจังหวะให้ราคาข้าวสูงขึ้น โดยเสนอให้รัฐบาลระบายข้าวในสต๊อกเดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อลดภาระการเก็บรักษาเเละค่าดอกเบี้ยปีละ 18,300 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้ข้าวในสต็อกหมดภายใน 2 ปี
นายนิพนธ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องปรับรูปแบบการขายข้าวเกรดซี อาจต้องขอให้ คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อขายข้าว และต้องมีมาตรการควบคุมไม่ให้กลับเข้ามาสู่ตลาด รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวและมีบทลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ปิดบังข้อมูล
ขณะที่นายปราโมทย์ วาณิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลต้องเร่งระบายสต็อกที่มีอยู่ออกให้หมด เพราะสต็อกดังกล่าวจะกดราคาข้าวฤดูกาลใหม่ เเต่รัฐควรทบทวนนโยบายข้าว โดยเน้นขายข้าวแยกตามพันธุ์ข้าว ไม่ควรขายเป็นเปอร์เซ็นต์ข้าว ส่วนการเจรจาขายข้าวแบบจีทูจี ก็ยังต้องเดินหน้าเพื่อช่วยให้ขายข้าวล็อตใหญ่ได้