นอกจากนี้ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีการใช้ภาษาทั้งไทยและมลายู ในด้านการศึกษาก็มีทั้งโรงเรียนตาดีกาและปอเนาะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีบทบาทสำคัญมากต่อเด็กที่นี่ และมักมีคำถามว่า เรียนอะไร อย่างไร ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์เดินทางไปที่จังหวัดภาคใต้เพื่อทำความรู้จักกับตาดีกาและปอเนาะให้ดีขึ้น
โดยทั่วไปเราจะรู้จักระบบการเรียนขั้นพื้นฐาน ว่ามีโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)กระทรวงศึกษาธิการ โดยโรงเรียนสังกัด สพฐ.ในแต่ละพื้นที่จะปรับรายละเอียดการสอนให้เหมาะสมตามแต่ละพื้นที่
ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีระบบการเรียนนี้เช่นกัน และมีการปรับรูปแบบบางอย่างให้เข้ากับท้องถิ่น ซึ่งเป็นรูปแบบพหุวัฒนธรรมของผู้นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม เช่น การอ่านอัลกุรอานแบบกีรออาตีย์ โดยเน้นความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้ปฏิบัติศาสนกิจได้ถูกต้อง การแต่งกายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตมุสลิม การปรับนี้ไม่มีผลกระทบกับนักเรียนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธ
แต่ระบบการเรียนที่แตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ อย่างชัดเจนก็คือ โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งในพื้นที่อื่นๆ จะได้แก่โรงเรียนเอกชน แต่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะมี 3 ระบบการเรียนหลัก คือ โรงเรียนตาดีกา สถาบันปอเนาะ และโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา
“ตาดีกา” โรงเรียนจริยธรรมวันหยุด
โรงเรียนตาดีกาหรือศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด เป็นโรงเรียนสอนจริยธรรม ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ คือ สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลาและสตูล มีโรงเรียนตาดีกาทั้งหมด 2,083 แห่ง เปิดสอนเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลาม อายุระหว่าง 5-12 ปี ในวันเสาร์-อาทิตย์ให้กับ ส่วนมากจะสอนในชุมชนหรือมัสยิดที่เยาวชนเดินทางไปเรียนได้อย่างสะดวกไม่ไกลเกินไปนัก
นายแวดาโอะ หะยีซาเม๊าะ ประธานตาดีกาจังหวัดยะลา อธิบายรูปแบบการเรียนการสอนว่า โรงเรียนตาดีกาเป็นโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเบื้องต้นให้กับเด็ก เน้นการสอนจริยธรรม การอ่าน-เขียน ภาษามลายู รวมถึงการประกอบศาสนกิจ โดยผู้นำชุมชนและอาสาสมัครในชุมชนเป็นผู้สอน
“เพื่อให้เด็กมีจริยธรรม เรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมของชาวมลายู เนื่องจากการเรียนในโรงเรียนปกติในช่วงวันจันทร์-ศุกร์นักเรียนได้เรียนภาษาไทยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเน้นเรียนภาษามลายูและหลักศาสนาเป็นหลัก” นายแวดาโอะ กล่าว
สถาบันปอเนาะ ผลิตครูสอนศาสนา
ปอเนาะเป็นสถาบันการศึกษาศาสนาอิสลามในรูปแบบดั้งเดิม ในพื้นที่ 5 จังหวัดมีทั้งหมด 441 แห่ง โดยเน้นการศึกษาหลักศาสนาอิสลาม แต่เดิมผู้เรียนจะเรียนในกระท่อมจึงเป็นที่มาของการเรียกว่า "ปอเนาะ" เปิดรับผู้เรียนตั้งแต่ช่วงวัยเด็กและเรียนไปได้ตลอดชีวิต เนื่องจากเน้นการสอนศาสนา มีผู้ดูแลคือโต๊ะครูหรือ "บาบอ" ผู้มีความรู้ สอนแบบไม่แบ่งแยกชั้นและอายุ เรียนอย่างเรียบง่าย โดยการสอนหลักศาสนา การอ่านคัมภีร์ตลอดจนการเรียนรู้ในการใช้ชีวิตประจำวัน
บาบอ อัสมัน สิเดะ เจ้าของสถาบันศึกษาปอเนาะมะฮัดดารุลเราะห์นะห์ ต.มะนังตาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เล่าว่า การเรียนการสอนของสถาบันปอเนาะจะนั่งเรียนกับพื้น เพื่อสอนให้เด็กรู้จักถ่อมตน ไม่แบ่งชั้นสูงชั้นต่ำ การเรียนโดยหลักคำสอนของศาสดา คือเป็นการเรียนไปตลอดชีวิต เริ่มตั้งแต่คลอดจากท้องแม่จนถึงสิ้นชีวิต โดยยึดหลัก 3 ประการ คือ ต้องศึกษาหาความรู้ ต้องนั่งฟังคนที่ให้ความรู้หากไม่มีโอกาสเรียน และการสอนผู้อื่น กิจกรรมการเรียนในแต่ละวันจะเริ่มตั้งแต่เวลา 04.00 น.เพื่อสวดมนต์ขอพรจากองค์พระอัลเลาะห์ มีละหมาด 5 เวลา ฝึกวิชาชีพ และเรียนจนถึงเวลา 22.00 - 24.00 น. ก็จะพักผ่อน
ผู้ที่เรียนปอเนาะเป็นหลัก หลังจบการศึกษาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญศาสนาได้รับความนับถือจากชุมชนและเป็นผู้นำในการประกอบพิธีทางศาสนาหรือ “อิหม่าม” ซึ่งมีภารกิจในการเผยแพร่ศาสนาต่อไป ด้วยการเปิดสถาบันปอเนาะและผันตัวเองไปเป็นครูผู้สอน โดยครูผู้สอนจะเป็นผู้พิจารณาว่าผู้เรียนมีความเชี่ยวชาญ มีความเข้าใจในแก่นแท้ของศาสนาอย่างแท้จริง จนสามารถไปเผยแพร่ต่อได้แล้วหรือไม่
“ปอเนาะเป็นที่รองรับเด็กทั้งหมดทั้งที่เรียนสามัญและเด็กที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา และเป็นสถานที่กลั่นกรองให้คนสะอาด แต่ขณะนี้มีความแตกต่างจากสมัยก่อนที่เรียนกันถึง 20 ปี แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไปจะเรียนไม่ถึง 20 ปี ส่วนใหญ่จะเรียนอย่างมาก 16 ปี แต่ปัจจุบันจะเรียนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ราวๆ 7 ปี ซึ่งยากต่อการไปเปิดสถาบันปอเนาะหรือเผยแพร่ต่อ” บาบอ อัสมัน สิเดะ กล่าว
ฮิตสุด รร.เอกชนสอนศาสนาอิสลามควบคู่สามัญ
สภาพสังคมปัจจุบันทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องการให้บุตรหลานได้ศึกษาเล่าเรียนสิ่งที่จะนำไปประกอบอาชีพได้ ความต้องการเรียนวิชาการสายสามัญจึงมากขึ้น ขณะเดียวกันได้เรียนศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจพร้อมกันไปด้วย โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาจึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการนี้ที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเปิดสอนในระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย ถือว่าเป็นโรงเรียนที่มีจำนวนมากที่สุดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือราวร้อยละ 60 ของโรงเรียนทั้งหมด เนื่องจากสอดคล้องกับวัฒนธรรมและศาสนาของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาดกลางไปจนถึงโรงเรียนขนาดเล็ก
ดาโต๊ะ นายนิเดร์ วาบา ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา จ.ปัตตานี บอกว่า การเรียนการสอนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาปัจจุบันพัฒนาจากอดีตอย่างมากเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากชุมชนเป็นอย่างดี โดยมีการเรียนทั้งวิชาสามัญและศาสนา
นายสุวิทย์ บูรณศิลป์ หรือ อุซตะอาลี ครูโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา จ.ปัตตานี อธิบายถึงการจัดการศึกษาที่โรงเรียนว่า ครอบคลุมทุกสาระวิชาในสัดส่วนร้อยละ 50 โดยคาบเรียนช่วงเช้าจะเรียนวิชาศาสนาในเวลา 08.20 -12.20 น. ประกอบด้วย 3 สาระสำคัญ คือ 1) สาระศาสนา ประกอบด้วย อัลกุรอาน อัลฮาดิษ ฟิกส์ 2) สาระสังคม ประกอบด้วย ประวัติศาสตร์อิสลาม อัคลาส และ 3) สาระหลักภาษา ประกอบด้วย ภาษาอาหรับ ภาษามลายู
ช่วงบ่าย 13.10 -16.00 น. จะเรียนวิชาสามัญ เช่นเดียวกับโรงเรียนทั่วไปคือ ภาษาไทย สังคม อังกฤษ วิทยาศาสตร์ และจะมีห้องพิเศษหรือห้องต้นแบบที่จะเน้นด้านวิชาการเพิ่มเติมในช่วงวันเสาร์ เพื่อให้นักเรียนสามารถสอบเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
“นักเรียนเรียนสายสามัญเพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคตและเรียนศาสนาเพื่อควบคุมการประกอบอาชีพให้อย่างสุจริต โดยโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเป็นโรงเรียนที่สร้างมาเพื่อช่วยเหลือรัฐในส่วนที่รัฐไม่สามารถจัดการเรียนการสอนครอบคลุมได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของโรงเรียน” นายสุวิทย์ระบุ
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐโดยได้รับเงินอุดหนุนรายหัวหรือคนละประมาณ 3,500 บาท แต่ส่วนมากไม่เพียงพอต่อการจัดการศึกษา แต่ละโรงเรียนจึงต้องหาเงินสนับสนุนเพิ่มเติม ซึ่งส่วนมากจะได้มาจากการบริจาค และพยายามของบประมาณเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นค่าครูสอนศาสนา
โรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยยืนยันว่านักเรียนมีผลสำเร็จการศึกษา เห็นได้จากการที่แต่ละปีมีนักเรียนที่สอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาจำนวนมาก เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งมีทั้งคณะแพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และสาขาอื่นๆ รวมถึงการไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย ออสเตรเลีย เป็นต้น และมีศิษย์เก่าของโรงเรียนประกอบอาชีพในหลากหลายสาขาวิชาในพื้นที่ทั้งแพทย์ ตลอดจนนายอำเภอในพื้นที่ด้วย
เฉลิมพล แป้นจันทร์ ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์