วันนี้ ( 20 ส.ค.2559) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองน่านเร่งปิดประตูน้ำริมแม่น้ำน่านและตรวจสอบเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ เพื่อเตรียมป้องกันแม่น้ำน่านล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ เป็นระลอกที่ 2 หลังฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้แม่น้ำน่านสูงขึ้นกว่า 6 เมตร ใกล้ถึงจุดวิกฤติที่ 7 เมตร ขณะที่น้ำสาขาแม่น้ำน่านในพื้นที่อำเภอตอนเหนือเริ่มล้นตลิ่ง เข้าท่วมหลายพื้นที่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเขต อ.ปัว อ.ท่าวังผา และอ.เชียงกลาง
ล่าสุดมีรายงานว่าน้ำเริ่มท่วมพื้นที่เกษตรและถนนหลายสาในหลายตำบลของ อ.ท่าวังผา รถไม่สามารถผ่านได้ นอกจากนี้ ยังเกิดดินสไลด์ 1 จุด บนถนนสาย หลักลาย-บ่อเกลือ ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้เพียง 1 ช่องจราจร
ส่วนที่จังหวัดสุโขทัย นายปิติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย เข้าตรวจสอบบิ๊กแบ๊คป้องกันแม่น้ำยมล้นตลิ่ง บริเวณถนนประเวศนคร ชุมชนเลอไทย อ.เมืองสุโขทัย โดยพบว่ามีน้ำรั่วซึมจากแนวกั้น จึงสั่งการให้เทศบาลเมืองสุโขทัยธานีเสริมแนวกระสอบทราย และปิดท่อระบายน้ำที่มีน้ำผุดมาตามท่อ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกลงสู่แม่น้ำ โดยยังคงมั่นใจว่าจะสามารถป้องกันน้ำท่วมตัวเขตเศรษฐกิจได้
นายสุเทพ เลิศศรีมงคล ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า น้ำฝนจากจังหวัดน่านได้ไหลลงมายังอ่างของเขื่อนสิริกิติ์แล้ว รวมปริมาณกว่า 500 ล้านลูกบาศก์เมตร หากรวมปริมาณน้ำฝนที่ไหลเข้ามาก่อนหน้านี้จะคิดเป็นประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสามารถพ้นวิกฤติภัยแล้งไปได้ และยังสามารถนำไปกักเก็บไว้ใช้ในแล้งหน้าได้ คาดว่าในเดือนกันยายนจะมีพายุอีก และมีน้ำไหลเข้ามาเพิ่ม ประมาณ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำฝนที่ตกเหนือเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ยังมีน้อยมากจึงทำให้น้ำใช้งานของเขื่อนภูมิพลยังไม่มากนัก
ขณะที่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเตรียมรับมือน้ำท่วม โดยเฉพาะที่บ้านปากคลอง ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำน้ำท่วมซ้ำซาก ชาวบ้านเร่งตรวจสอบสภาพเรือเพื่อเตรียมนำมาใช้เป็นพาหนะ หลังทราบว่าน้ำเหนือกำลังไหลลงสู่พื้นที่ จ.พิจิตร ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้จะถูกแม่น้ำยม ล้นตลิ่งเข้าท่วมขังต่อเนื่องเป็นเวลานาน