วันนี้ (6 ก.ย. 2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในอดีตมีการฟ้องกันไปมาระหว่างเอกชนและหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ และทำให้เห็นความสัมพันธ์ของ นายธวัชชัย กับผู้ต้องหาคนอื่นๆ
ชายหาดและพื้นที่ป่าชายหาดความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปีและหาดท้ายเหมือง ถูกนำไปออกเอกสารสิทธิ์ นส.3 ก จำนวน 500 ไร่
การออกเอกสารสิทธิ์กินพื้นที่จากเขาหน้ายักษ์ ไปถึงฝั่งตรงข้ามบ้านท่าดินแดง ด้านหน้าเป็นชายหาด ด้านหลังเป็นคลอง อยู่ใกล้กับน้ำตกลำปี น้ำตกโตนไพร ในอนาคตมีโครงการสร้างสนามบินใกล้พื้นที่
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าชายหาด มีต้นโกงกาง และพืชประจำถิ่น ใกล้เขาหน้ายักษ์พบหลักหมุดของสำนักงานที่ดินจังหวัดพังงาปักไว้ในพื้นที่ ไม่ต่ำกว่า 10 หลัก
หลักหมุดนี้ สำนักงานที่ดินจังหวัดพังงามาปักไว้เพื่อแสดงอาณาเขตที่ดิน บริเวณถูกออกเอกสารสิทธิ์ประมาณ 500 ไร่ โดยผู้ครอบครองเป็นนายทุนจาก จ.ภูเก็ต ตอนนี้อยู่ระหว่างการเพิกถอน
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า เมื่อปี 2548 มีผู้อ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดินแล้วฟ้องต่อศาลปกครองกรณีการออกเอกสารสิทธิ นส.3 ก ล่าช้า มี นางกุศล จันทร์สวาทดิ์ และพวกรวม 10 คน เป็นผู้ฟ้องคดี ครั้งนั้น กรมอุทยานแห่งชาติฯ แพ้คดีและไม่ได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาล
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมือง จึงออกเอกสารสิทธิ์ให้กับผู้อ้างสิทธิ ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบพยานหลักฐานใหม่ จึงฟ้องคดีต่อศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาศาลปกครองมีคำพิพากษาใหม่ลงวันที่ 10 มี.ค. 2558 วินิจฉัยว่า ผู้ถือเอกสารไม่มีสิทธิ์ครอบครองที่ดินทั้ง 14 แปลง เพราะไม่เคยครอบครองต่อจากผู้ครอบครองเดิม แต่ผู้ถือเอกสารสิทธิ์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลจำนวน 12 แปลง ส่วนอีก 2 แปลงไม่อุทธรณ์
เมื่อเปรียบเทียบแผนผังการออกเอกสารสิทธิ์กับภาพถ่ายทางอากาศเห็นได้ชัดว่า ที่ดินทั้ง 14 แปลง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ที่ดินทั้ง 14 แปลงมี นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขาท้ายเหมืองเป็นผู้ดำเนินการ และ อ้างชื่อชาวบ้านใน ต.ลำแก่น เป็นผู้ขายสิทธิ
นายวีระเดช ตะติ ผู้ใหญ่บ้านท่าดินแดง ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ให้ข้อมูลว่า ที่ดินบริเวณนั้นไม่เคยมีผู้ทำกินมาก่อน การซื้อขายเปลี่ยนมือจึงเกิดขึ้นได้ยาก
เขายังกล่าวปฏิเสธอีกว่า ไม่เคยมีส่วนรับรู้ในการออกเอกสารสิทธิ์ ซึ่งตามปกติ ผู้นำชุมชนต้องมีส่วนรับรู้
ในเอกสารคำฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช พบรายชื่อนายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ หรือ โกเก้ง นักธุรกิจด้านขนส่งและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้ถือครองด้วย
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 นายธวัชชัย เป็นผู้ออกโฉนด 2 แปลง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลาหรือภูเขานางพันธุรัตน์ จำนวน 65 ไร่ให้กับนายบุ่นเก้ง
ต่อมาปี 2553 การออกเอกสารในพื้นที่ป่า ทำให้คณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติลงโทษทางวินัยร้ายแรงแก่นายธวัชชัย ฐานทุจริตต่อหน้าที่และมีความผิดอาญาฐานปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ
ส่วน นายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ