วันนี้ (10 ก.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักเคลื่อนไหวชาวเกาหลีใต้ประมาณ 100 คน รวมตัวประท้วงเกาหลีเหนือที่ทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดเมื่อวานนี้ โดยผู้ประท้วงบางคนเผาสัญลักษณ์นิวเคลียร์และหุ่นจำลองของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ พร้อมตะโกนขับไล่นายคิม จอง อึน และเรียกร้องให้สหประชาชาติ รวมทั้งประชาคมโลกเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้รุนแรงยิ่งขึ้นและยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือทันที
ส่วนนายจึง ยัง แท นักวิชาการจากสถาบันรวมชาติเกาหลีเขียนในเว็บไซต์ ฟอร์เรน โพลิซี ว่าโลกต้องยอมรับว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพที่จะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้ ยืนยันว่านายคิม จอง อึน ไม่ได้เสียสติและเชื่อมั่นว่าเกาหลีเหนือจะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากสงครามนิวเคลียร์ เพราะจะทำถูกตอบโต้ทันที
ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับแนววิเคราะห์ของนายยัง มู จิน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกาหลีศึกษา ที่เห็นว่านายคิม จอง อึน ใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องตนเองให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำสุงสุดและผู้นำทางทหารสูงสุด เชื่อว่าเกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่มีศักยภาพที่จะยิงได้ไกลถึงเกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น และเพื่อเป็นหลักประกันว่าเกาหลีเหนือจะปกป้องประเทศได้หากถูกสหรัฐฯ โจมตี แต่ยังต้องพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปต่อไป เพื่อให้ขีปนาวุธยิงได้ไกลถึงเกาะฮาวาย หรือแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ
ด้านนายยุน บยุง เซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ เชื่อมั่นว่านายคิม จอง อึน จะไม่เลิกพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งนานาชาติต้องร่วมกดดันและเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรให้รุนแรงยิ่งขึ้น พร้อมเตือนทั่วโลกให้ตระหนักว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพในการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุด โดยมีความรุนแรงน้อยกว่าระเบิดปรมาณูที่สหรัฐฯ ใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากแรงระเบิดที่เกิดขึ้นจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 10 กิโลตัน เมื่อเทียบกับแรงระเบิดของระเบิดปรมาณูซึ่งถล่มเมืองฮิโรชิมา อยู่ที่ 15 กิโลตัน
ขณะที่นายมัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประณามการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ว่าเป็นอันตรายและสั่นคลอนสันติภาพในภูมิภาค พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายและทุกประเทศ รวมทั้งจีน ร่วมกดดันเกาหลีเหนือด้วยการดำเนินการคว่ำบาตรอย่างจริงจัง