กรมชลประทานเห็นชอบให้เปิดประตูระบายน้ำ 3 แห่งจากทั้งหมด 9 แห่ง คือ ประตูระบายน้ำลาดชะโด ประตูระบายน้ำลาดชิด และประตูระบายน้ำบางแก้ว ที่เชื่อมกับแม่น้ำน้อย เพื่อผันน้ำบางส่วนเข้าทุ่งผักไห่
ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมใน อ.บางบาล อ.เสนา และ อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุยา เรียกร้องให้กรมชลประทานผันน้ำเข้าทุ่งนาเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมจากแม่น้ำน้อยที่เอ่อล้น แต่ชาวนาบางส่วนไม่ต้องการให้ผันน้ำเข้าทุ่งเพราะยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม หลังจากทีมประชารัฐอำเภอผักไห่สำรวจพบว่าชาวนาในทุ่งผักไห่พื้นที่กว่า 1.5 แสนไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว กรมชลฯ จึงได้ตัดสินใจเปิดประตูระบายน้ำเข้าทุ่งผักไห่เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและชาวนา ส่งผลให้เช้านี้ระดับน้ำในพื้นที่ อ.บางบาล อ.เสนา และ อ.ผักไห่ เริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง แต่ระดับยังคงสูง 2 เมตร
ขณะที่กรมชลประทานชี้แจงว่าจะรักษาการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไม่ให้เกิน 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะค่อยๆ ลดลงให้สู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด หากไม่มีฝนตกมาเพิ่มในช่วงนี้ โดยจะผันน้ำออกทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
สำหรับการผันน้ำเข้าทุ่งหลังจากนี้ กรมชลประทานขอให้ทีมประชารัฐ พร้อมด้วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเกษตรกรประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในการผันน้ำเข้าทุ่งนา เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้ทำเรื่องแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อแจ้งกรมชลประทานให้ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้กรมชลประทานระบุว่าจะยังไม่ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำทั้งหมดเพราะจะเก็บพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นแก้มลิงรอรับน้ำระลอกใหม่ที่คาดว่าจะมาถึง จ.พระนครศรีอยุธยาวันที่ 6 ต.ค.2559