วันนี้ (28 ต.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี บริษัท เชฟรอน ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมที่อยู่นอกชายฝั่งขอคืนภาษีน้ำมันดีเซลและกองทุนน้ำมันที่ส่งไปใช้ในเขตพื้นที่สัมปทานนอกชายฝั่ง ซึ่งกรมศุลกากรตีความการนำน้ำมันไปใช้ในแท่นขุดเจาะของบริษัท เชฟรอน ว่าเป็นการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรนั้น
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยอมรับว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากสองหน่วยงานตีความทางกฎหมายต่างกัน จึงจะเร่งหารือเพื่อให้เกิดข้อปฏิบัติไปในทางเดียวกัน โดยอาจจัดทำเป็นบันทึกความเข้าใจ และให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป เพื่อไม่ให้กระทบกับการผลิตก๊าซธรรมชาติ
ทั้งนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติอ้างอิง ตามมาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ. ปิโตรเลียม ปี 2514 ว่าการใช้น้ำมันดีเซลบนแท่นขุดเจาะไม่ได้สิทธิยกเว้นภาษีแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นการค้าภายในประเทศ แต่ต่อมากรมศุลกากรได้ตีความกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสากลในเรื่องของการยึดอาณาเขต 12 ไมล์ทะเล หรือตีความว่าอยู่นอกอาณาเขตตาม พ.ร.บ. ศุลกากร 2469 และให้บริษัทปฏิบัติพิธีการศุลกากรส่งออก จึงได้รับยกเว้นหรือคืนภาษีสรรพสามิต และไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ส่งผลให้เชฟรอนขอคืนภาษีสรรพสามิตประมาณ 3,000 ล้านบาทตามระเบียบการส่งออก จากจำนวนการใช้น้ำมันดีเซลเฉลี่ยวันละ 7 แสนลิตร
นายประภาส คงเอียด รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายได้ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมศุลกากรทำหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้สรุปข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และได้แจ้งให้ระงับการยกเว้นหรือคืนภาษีสรรพสามิตไว้แล้ว
ขณะที่มีความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้รัฐบาลจะต้องเร่งรัดเอาผิดนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ที่ไม่เรียกคืนภาษีน้ำมันจากบริษัท เชฟรอน ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จำนวนมาก