วันนี้ (9 พ.ย.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ท.หญิง แทมมี่ ลัดดา ดักเวิร์ธ ส.ส.อเมริกันเชื้อสายไทย จากพรรคเดโมเเครต ได้รับการเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกของรัฐอิลลินอยส์ได้สำเร็จเป็นสมัยแรก ซึ่งเอาชนะนายมาร์ค เคิร์ก ผู้สมัครชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกมลรัฐอิลลินอยส์ จากพรรครีพับลิกัน เจ้าของพื้นที่เก่า ด้วยคะแนนร้อยละ 55 ต่อ 40 จึงนับว่าเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตคนแรกในการเลือกตั้งในครั้งนี้ที่สามารถแย่งเก้าอี้ในสภาคืนมาจากพรรครีพับลิกันได้
นอกจากนี้ยังเป็นสตรีเชื้อสายเอเชียคนที่ 2 ที่ได้นั่งในวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ต่อจาก Mazie Hirono ชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่นจากรัฐฮาวาย ซึ่งดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน
หลังจากทราบผลการเลือกตั้ง พ.ท.หญิง แทมมี่ โพสต์ข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ ประกาศชัยชนะในศึกชิงเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ รวมถึงขอบคุณผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ให้การสนับสนุน พร้อมทั้งให้สัญญาว่าจะทำหน้าที่ในฐานะวุฒิสมาชิก เพื่อให้เกียรติชาวอเมริกันทุกคนที่ประสบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆในชีวิต เช่นเดียวกับเธอ
ก่อนหน้านี้ พ.ท.หญิง แทมมี่ ได้ให้สัมภาษณ์กับ VOA ภาคภาษาไทย ในงานระดมทุนสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของเธอ ที่จัดขึ้นโดยชุมชนชาวไทยในรัฐอิลลินอยส์
ด้านนักวิเคราะห์หลายคน เชื่อว่าชัยชนะของ พ.ท.หญิง แทมมี่ น่าจะส่งผลกระทบไม่น้อยต่อพรรครีพับลิกันที่กำลังพยายามรักษาเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา
พ.ท.หญิง แทมมี่ ปัจจุบันอายุ 48 ปี เกิดที่กรุงเทพมหานคร มารดาเป็นคนไทยและบิดาเป็นทหารในกองทัพอเมริกัน ในวัยเด็กเธอได้ติดตามครอบครัวไปหลายประเทศในเอเชีย ก่อนที่จะจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่ University of Hawaii และระดับปริญญาโทที่ George Washington University ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
เมื่อปี 2547 พ.ท.หญิง แทมมี่ ต้องสูญเสียขาทั้ง 2 ข้างในสงครามอิรัก ขณะทำหน้าที่นักบินเฮลิคอปเตอร์และถูกฝ่ายตรงข้ามยิงตก ส่งผลให้เธอต้องใช้ขาเทียมทั้ง 2 ข้างและเก้าอี้รถเข็นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังสงครามเธอได้อุทิศตนทำงานการกุศลเพื่อทหารผ่านศึกและก้าวสู่วงการเมืองด้วยการลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 6 ของรัฐอิลลินอยล์ เมื่อปี 2549 แต่แพ้ให้กับตัวแทนจากพรรครีพับลิกันไปแบบฉิวเฉียด ก่อนที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะดึงตัวไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกในอีก 2 ปีต่อมา
ช่วงก่อนหน้านี้ คะแนนนิยมของพ.ท.หญิง แทมมี่ ตามหลังคู่แข่งคือนายมาร์ค เคิร์ก อยู่พอสมควร แต่ว่าในการโต้อภิปรายของทั้งคู่เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2559 นายเคิร์กได้ใช้วาจาเหยียดเชื้อชาติพาดพิงถึงครอบครัวของเธอ จนทำให้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้เธอพลิกกลับมามีคะแนนนิยมขึ้นนำจนชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้