ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

มือเจาะพื้นที่เลือกตั้งซ่อม “กล้าธรรม” สร้างซุ้มใหม่(ใหญ่)การเมือง

การเมือง
29 เม.ย. 68
16:53
263
Logo Thai PBS
มือเจาะพื้นที่เลือกตั้งซ่อม “กล้าธรรม” สร้างซุ้มใหม่(ใหญ่)การเมือง

ประกาศศักยภาพของการเป็นมือเจาะพื้นที่ “เลือกตั้งซ่อม” เต็มรูปแบบแล้ว สำหรับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม หากเริ่มนับตั้งแต่การเลือกตั้งซ่อม นายก อบจ.ปราจีนบุรี หลังอดีต สจ.โต้ง “ชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์” ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักของ “โกทร” สุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี เมื่อต้นเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว

ต่อมา “โกทร” ถูกจับกุมตัว และพ้นจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ในเดือนก.พ.2568 จึงมีการเลือกตั้งนายก อบจ.คนใหม่ โดยพรรคเพื่อไทยส่ง “สจ.จอย” น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ภรรยาของอดีตสจ.โต้งลง คะแนนนำโด่งม้วนเดียวจบ ได้นั่งตำแหน่งนายก อบจ. กลายเป็นสร้าง “ซุ้มใหม่การ เมือง”  ภายใต้การสนับสนุนของ ร.อ.ธรรมนัส

การขยายอิทธิพลในสนามการเมืองระดับท้องถิ่น ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ร.อ.ธรรมนัส เป็นมือทำงานเสมือน “ขุนพล” คนหนึ่งของอดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แม้จะเคยประกาศชัดเจนว่าพรรคกล้าธรรมไม่ใช่สาขาของพรรคเพื่อไทย เฉกเดียวกับพรรคประชาชาติของ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ที่เข้าไปครองใจคนสามจังหวัดชายแดนใต้ จนคว้าเก้าอี้สส.ได้หลายที่นั่ง

แต่ ร.อ.ธรรมนัส ก็ไม่เคยตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว “จากกระแสข่าวที่ว่าพรรคกล้าธรรมเป็นพรรคสาขาของพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากจะกราบเรียนว่า พรรคกล้าธรรมคือพรรคกล้าธรรม เพราะกล้าทำในสิ่งที่เรากล้าคิด กล้าวางแผน และกล้าตัดสินใจ”

ว่าไปแล้ว ในยุคที่พรรคพลังประชารัฐ และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังเรืองอำนาจ “ร.อ.ธรรมนัส” ได้รับการมอบหมายให้เป็นแม่ทัพใหญ่ จัดกำลังพล คุมกำลังรบดูแลและจัดการการเลือกตั้งในพื้นภาคใต้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ สส.พะเยาคนนี้ จะมักคุ้นกับคนการเมืองในแดนสะตอ ด้วยว่าผ่านประ สบการณ์ในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ภาคใต้มาแล้วถึง 3 สนาม ในเขต จ.นครศรี ธรรมราช, สงขลา และชุมพร

“ที่หนองบัวลำภู เราสามารถล้มแชมป์เก่า (นายก อบจ.) ได้ และจังหวัดล่าสุด คือสมุทรสงคราม ผมกับ ส.ส.หลายคนได้เดินทางไปปฏิบัติการอย่างลับ ๆ มีการประชุมผู้นำท้องถิ่นจนชนะอย่างไม่คาดคิด หลายพรรคไปเคลมว่าเป็นของพรรคโน้นพรรคนี้ จริง ๆ แล้วชัยชนะเป็นของพรรคกล้าธรรม” คำพูดของร.อ.ธรรมนัส ในการประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2568 เมื่อต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ชัยชนะของ “โอ” ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ พรรคกล้าธรรม แม้จะเป็นครั้งแรกที่พรรคกล้าธรรมได้สส.ในเขตนี้ แต่เอาเข้าจริง มีหลายปัจจัยที่ทำให้ “โอ” ก้องเกียรติ เอาชนะ”ไสว เลื่องศรีนิล” พรรคภูมิใจไทย และพ่อตา “ชินวรณ์ บุญยเกียรติ” เจ้าถิ่นเก่า อย่างพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาได้

นอกจากความได้เปรียบในฐานะคนพื้นที่ ที่ไต่เต้าจากตำแหน่งสารวัตรกำนัน ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 และเติบโตในสนามการเมืองท้องถิ่น จนได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (สจ.) อ.ฉวาง เขต 1 เมื่อปี 2563 เคยร่วมทีมทำงานกับ “กนกพร เดชเดโช” อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช มารดาของ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 

แม้จะเป็นสมาชิกพรรคสีฟ้่ามาก่อน แต่ต่อมา  “โอ” ก้องเกียรติ ตัดสินใจลาออกมาสมัครรับเลือกตั้ง สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช และได้รับเลือกเป็นสส. สังกัดอยู่ใต้ร่มเงาของ “ร.อ.ธรรมนัส” แห่งพรรคกล้าธรรม จะเห็นได้ว่า ชัย ชนะของ “โอ”ก้องเกียรติ ถือเป็นการสร้างฐานการเมืองสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ของร.อ.ธรรมนัส หลังเคยเข้าไปหยั่งเชิงในสนามเลือกตั้ง นายก อบจ.สงขลาและนราธิวาสมาแล้ว

กลับมาที่ค่ายสีน้ำเงิน “ภูมิใจไทย” ส่ง “ไสว เลื่องศรีนิล” สามีของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” ซึ่งถูกศาลฎีกามีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และสั่งชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งจำนวน 8.4 ล้านบาท เนื่องจากกระทำการทุจริตซื้อเสียง และการเลือกตั้งครั้งนี้ “ไสว” ต้องพ่ายให้กับ โอ “ก้องเกียรติ”

แต่ “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ กลับบอกเพียงว่า ต้องยอมรับ สิ่งที่ชาวบ้านคิดและตัดสินใจเลือกแล้ว ก็ต้องยอมรับ ...แต่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าจะต้องมีการปรับแผนใหม่ เนื่องจากบริบทเปลี่ยนไปแล้วและหลายพรรคอาจจะมีการปรับเรื่องของท่าที

“ครั้งที่ผ่านมา เราได้คะแนน 23,000 กว่าคะแนน แต่ครั้งนี้ได้ 28,000 กว่าคะแนน ถือได้ว่าสส.ในพื้นที่ยังครองใจชาวบ้านในพื้นที่ได้ รู้สึกสบายใจ ได้คะแนนเพิ่มขึ้น 5,000 กว่าคะแนน แต่ 2 อำเภอที่แพ้ต้องไปทำการบ้านใหม่ คือ อ.พิบูล และอ.ฉวาง จึงต้องทบทวนตัวเอง และพยายามต่อไป” แกนนำพรรคภูมิใจไทยระบุ

ถือเป็นลงสนามประลองกำลังของทุกพรรคการเมือง ก่อนของจริงจะมาถึงในปี 2570 ในนิยามที่สนามการเมืองพื้นภาคใต้ที่เปลี่ยนไป เมื่อผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 สะท้อนให้เห็นชัดว่า ค่ายพรรคสีฟ้า “ประชาธิปัตย์” ไม่สามารถครองใจชาวบ้านในพื้นที่ได้อีกต่อไป หลายพื้นที่เปิดรับตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ประชาชาติและกล้าธรรม 

คาดการณ์กันว่า หากรัฐบาลอยู่ครบเทอม การเมืองใน 14 จังหวัดภาคใต้ ยังต้องร้อนระุอุและน่าติดตาม เพราะการปักธงได้สส.ใน จ.นครศรีธรรมราชในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายของค่ายสีแดงเท่านั้น

แต่ในจังหวัดอื่น ๆ พื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยเข้าไปไม่ถึง จะถูกเว้นช่องให้ ”กล้าธรรม”จะเข้าไป “เจาะ” สร้างซุ้มใหม่ให้ใหญ่ในทางการเมืองได้ ดังจะเห็นจากความเคลื่อนไหวของในการลุยตั้งตัวแทนพรรคกล้าธรรม ทั้งที่ จ. มุกดาหาร นครราชสีมา นครสวรรค์ ยะลา สุโขทัยและพิจิตร ที่เปิดรับสมาชิกกันอย่างคึกคัก

โดยทุกพรรคจะมองข้ามและประมาทมิได้เด็ดขาด เพราะไม่ใช่ต้องสู้กับกระแสอย่างเดียว แต่ยังต้องรบกับกระสุนดินดำ และกองส่งบำรุงกำลังเต็มอัตราอีกด้วย

อ่านข่าว:

ศึกหนักรัฐบาล “ตัดงบ3.5 หมื่นล้าน” ผิดรธน.144 รีเซ็ตครม.ยกชุด

กระชับพื้นที่ “อั้งยี่-ฟอกเงิน” ดีเอสไอ เปิดเกมไล่บี้ “สว.สีน้ำเงิน”

จับกระแสการเมือง: วันที่ 23 เม.ย.2568 “ภูมิธรรม” ชัดซื้ออาวุธกองทัพ ไม่เอาเท่ ฉกข้อสอบนิติฯจุฬา ส่งให้ “อดีตบิ๊กตร.” ลอก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง