วันนี้ (24 พ.ย.2559) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้เรียกประชุมผู้แทนพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อหารือสถานการณ์ภาพรวมความไม่สงบในพื้นที่
ก่อนการประชุม พล.อ.อักษรา หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงรายงานข่าวของสำนักข่าวเบนาร์นิวส์ ที่ระบุว่ากลุ่มบีอาร์เอ็นมีการปรับโครงสร้างสภาองค์กรนำใหม่ โดยตั้งนายสะแปอิง บาซอ ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคงของไทยเป็นประธานว่า ไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นความจริงเพราะยังไม่มีหลักฐานยืนยัน พร้อมกับระบุว่าข่าวนี้ไม่กระทบต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างฝ่ายไทยกับกลุ่มมาราปาตานีที่กำลังดำเนินอยู่
เว็บไซต์สำนักข่าวเบนาร์นิวส์รายงานเมื่อวันที่ 21 พ.ย.2559 ว่า สำนักข่าวได้รับแถลงการณ์ของขบวนการบีอาร์เอ็นจากเจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งเป็นแถลงการณ์ที่ลงวันที่ 28 ก.ย.2559 ระบุถึงวัตถุประสงค์ในการแต่งตั้งสมาชิกสภาองค์กรนำชุดใหม่ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับปัจจุบัน และเพื่อความสำเร็จในการปฏิวัติของพรรค และสมาชิกแนวร่วมสภาปฏิวัติแห่งชาติปาตานี บีอาร์เอ็น-ซี ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์และการเมืองในปัจจุบัน
มีรายงานว่า ระหว่างการพูดคุยของคณะทำงานร่วมของฝ่ายไทยและกลุ่มมาราปาตานีเพื่อหารือเรื่องการกำหนดพื้นที่ปลอดภัยเมื่อวันที่ 21-22 พ.ย.2559 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการเผยแพร่เอกสารการปรับโครงสร้างสภาองค์กรนำของขบวนการบีอาร์เอ็น ซึ่งรายชื่อสภาองค์กรนำบีอาร์เอ็นที่ปรากฏในเอกสารนี้ไม่มีชื่อของตัวแทนบีอาร์เอ็นที่เข้าร่วมกระบวนการพูดคุยสันติสุขกับฝ่ายไทย แต่ระบุว่านายสะแปอิง บาซอ เป็นประธานสภาองค์กรนำ และนายดูนเลาะ แวมะนอ เป็นเลขาธิการสภาองค์กรนำ ซึ่งทั้งสองคนเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของไทย
อย่างไรก็ตาม "ไทยพีบีเอส" ได้สอบถามความเห็นจากแหล่งข่าวที่ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเรื่องไม่ปกติที่องค์กรลับอย่างบีอาร์เอ็นจะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลในสภาองค์กรนำ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายู ให้ข้อมูลว่าภาษามลายูที่เขียนในแถลงการณ์นั้นมีข้อผิดพลาดหลายจุด เอกสารนี้จึงน่าจะเป็นเอกสารปลอม
พล.อ.อักษรา ยังระบุถึงรายงานจากฝ่ายความมั่นคงที่ว่า มีกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐแสดงความจำนงจะเดินทางกลับภูมิลำเนามากกว่า 200 คน เพื่อร่วมพิธีแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า ต้องรอดูข้อเท็จจริงก่อน