สถานการณ์ความรุนแรงในรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ทำให้นานาชาติ รวมทั้งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกังวลว่าจะเกิดคลื่นผู้อพยพรอบใหม่และเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาสอบสวนเรื่องนี้ด้วยความเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ ขณะที่นางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมาไม่พอใจต่อข้อกล่าวหา พร้อมชี้แจงว่า นานาชาติได้รับข้อมูลบิดเบือนจากนักเคลื่อนไหวชาวโรฮิงญา
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสสัมภาษณ์นายโมฮัมหมัด นอร์ซิม ผู้อำนวยการสมาคมสิทธิมนุษยชนโรฮิงญา ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าสถานการณ์ในรัฐยะไข่ขณะนี้รุนแรงมาก
ด้านนายหม่อง จอ นุ ประธานสมาคมโรฮิงญาเมียนมาในไทย แสดงความรู้สึกเสียใจต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ภาคประชาสังคมในไทยและชาวไทย รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศเร่งให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงญา
การปะทะกันรอบใหม่ระหว่างกองทัพเมียนมากับชาวโรฮิงญาปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 2,000 คน หลบหนีออกนอกประเทศ รวมทั้งบังกลาเทศที่มีพรมแดนติดกับเมียนมาทำให้บังกลาเทศต้องปิดพรมแดนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของชาวโรฮิงญาและเตรียมส่งตัวชาวโรฮิงญากลับเมียนมาซึ่งมีทั้งผู้หญิงและเด็ก
กระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศเรียกร้องให้เมียนมาดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเร่งด่วนเพื่อปกป้องชาวโรฮิงญา หลังความรุนแรงล่าสุดที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ทำให้มีชาวโรฮิงญาหลายพันคนหลบหนีเข้ามาในบังกลาเทศ ขณะที่อีกหลายพันคนรวมตัวกันบริเวณพรมแดน
สำนักข่าวบีบีซี รายงานโดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การสหประชาชาติ ว่า รัฐบาลบังกลาเทศไม่สามารถประกาศเปิดพรมแดนได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการกระตุ้นให้รัฐบาลเมียนมาใช้มาตรการรุนแรงต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายในการกำจัดกลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงญาออกจากประเทศจนหมดสิ้น