นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยวานนี้ (30 พ.ย.2559) ถึงข้อหารือร่วมระหว่าง ครม.-คสช. วานนี้ ว่าได้เน้นย้ำเรื่องแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ เนื่องจาก 1 ปีหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ จะต้องเริ่มดำเนินการปฏิรูปในแต่ละด้านแล้ว พร้อมระบุว่าภายใน 120 วันนั้น ยังต้องร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ ให้แล้วเสร็จ โดยให้เหตุผลว่ายุทธศาสตร์ชาติ เปรียบเสมือนการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่ที่ผ่านมาถูกทอดทิ้ง จึงเป็นเหตุให้ต้องกำหนดขึ้นให้ชัดเจน และไม่ว่าจะเริ่มกำหนดในรัฐบาลใด รัฐบาลชุดถัดไปก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ
"ถ้าไม่ทำตามหรือไม่สนใจ จะได้ชื่อว่าจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ไม่มีโทษอะไร แต่จะมีโทษอยู่ในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว" นายมีชัย กล่าว
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า รัฐบาลควรเร่งสร้างความเข้าใจ ความสามัคคี และความสมานฉันท์ พร้อมกับเสนอให้เปิดกว้างในกระบวนการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกำหนดอนาคตของประเทศ โดยเชื่อว่าเนื้อหาของร่างกฎหมายลูกสะท้อนถึงเจตนาการจำกัดขอบเขตนักการเมืองและประชาชน โดยเฉพาะสิทธิและเสรีภาพความเป็นประชาธิปไตย
"อยากจะฝากว่าเวลาที่เหลือที่ไม่ยาวมาก การเปิดโอกาสให้มีการรับฟัง ระดมความคิดเห็น หาจุดร่วมระหว่างทุกฝ่ายเพื่อเดินหน้าประเทศไทยได้จริงๆ จึงจะถือว่าเดินไปตามโรดแมป แต่ถ้าคิดในมุมที่ว่าอยากจะจำกัดฝั่งการเมือง จำกัดสิทธิประชาชน โดยไม่ฟังความคิดเห็น มันอาจจะดูเรียบร้อยในช่วงนี้ แต่แน่นอนว่าพอเดินไปถึงหลังการเลือกตั้ง ก็จะเกิดปัญหาที่ไม่ได้มาจากความร่วมไม้ร่วมมือ รัฐบาลจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวกลางสร้างความร่วมมือ รับฟังความคิดเห็น" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการร่างกฎหมายลูกนั้น ภายใน 2 วันนี้ กรธ.จะเตรียมสรุปร่างฯ ที่ว่าด้วย กกต. ให้แล้วเสร็จ โดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. เตรียมเสนอปรับโครงสร้างคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายลูก ด้วยการเพิ่มสัดส่วนตัวแทนร่วมเป็นกรรมาธิการให้กว้างขึ้น แต่ยังไม่ควรมีตัวแทนพรรคการเมือง เพราะเป็นฝ่ายที่มีส่วนได้เสียกับร่างกฎหมาย