วันนี้(20 ธ.ค.2559) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เผยภายหลังพิธีการส่งมอบ-รับมอบ ไม้จันทน์หอม สำหรับนำไปจัดสร้างพระโกศ เพื่อใช้ในงานพระราชพิธี ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และคณะผู้บริหาร เป็นผู้ส่งมอบ ณ อาคารกลุ่มประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร จ.นครปฐม โดยใช้ฤกษ์เวลา 15.09 น.
นายวีระ กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อให้การจัดงาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมพระเกียรติยศทุกประการ ทส. ได้จัดหาไม้จันทน์หอม สำหรับนำไปจัดสร้างพระโกศจันทน์ และใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยคัดเลือกไม้จันทน์หอม ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีลักษณะเหมาะสม ยืนต้นตายตามธรรมชาติ เปลาตรง และมีพิธีบวงสรวงไม้จันทน์หอมไปเมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา
จากนั้นกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตัดและแปรรูปไม้จันทน์หอม จำนวน 12 ต้น ได้ไม้จันทน์หอมแปรรูป เป็นแผ่น 1,415 แผ่น เป็นไม้ท่อนจำนวน 46 ท่อน ทั้งนี้ไม้จันทน์หอมที่ส่งมอบ เพื่อนำไปจัดสร้างพระโกศจันทน์และส่วนประกอบอื่นๆ ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างส่วนราชการในการดำเนินการตามแบบแผนโบราณราชประเพณี และเพื่อให้สมพระเกียรติยศสูงสุด
นายวีระ กล่าวว่า จากนี้กรมศิลปากร จะนำไม้จันทน์หอมแปรรูป ไปจัดทำพระโกศจันทน์และส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งได้ออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ในการดำเนินการต้องอาศัยช่างหลายประเภท ได้แก่ ช่างโลหะ ดำเนินการจัดสร้างโครงโลหะ ช่างไม้ประณีตแปรรูปไม้จันทน์เป็นรูปลักษณะต่าง ๆ เพื่อใช้ฉลุลวดลาย ช่างโกรกฉลุ โกรกและฉลุลายตามแบบ ช่างประดับลาย นำดอกลายที่สำเร็จแล้วมาประดับกับโครงพระโกศ ซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ประณีตและพิถีพิถัน
ทั้งนี้ทางกระทรวงวัฒนธรรม จะเปิดโอกาสให้สถาบันการศึกษาและประชาชนที่มีฝีมือในงานประณีตศิลป์ งานฉลุลาย มีส่วนร่วมในการดำเนินงาน โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งความจำนงของร่วมดำเนินการมายังสำนักช่างสิบหมู่แล้วกว่าร้อยราย คาดว่า การดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2560 พร้อมกันนี้จะได้บันทึกองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดสร้างพระโกศจันทน์เพื่อเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชาติต่อไป