วันนี้ (26 ก.พ.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอมรับว่าพบกลุ่มคนที่มีประวัติการเคลื่อนไหวในลักษณะแกนนำ ชักชวนปลุกระดม และบางคนอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เข้ามาในพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย โดยจากการข่าวที่เจ้าหน้าที่ต้องเฝ้าติดตามพฤติกรรม พบว่ามีจำนวนประมาณ 30 คน จึงสั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีและออกหมายเรียก เนื่องจากถือเป็นฝ่าฝืนคำสั่งของ คสช.ที่ประกาศให้ โดยรอบวัดพระธรรมกาย เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ
นอกจากนี้ ยังวางมาตรการเฝ้าระวังเหตุความวุ่นวายและป้องกันมือที่ 3 ใช้โอกาสในการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายและไม่เป็นกังวลว่าการตรวจค้นวัดพระธรรมกายจะถูกนำไปขยายผลจนทำให้มีปัญหาการเมืองเข้ามาแทรกแซง ยืนยันการประกาศใช้ มาตรา 44 เพื่อต้องการบังคับใช้กฏหมาย แม้ว่ารัฐบาลจะเป็นผู้ออกคำสั่ง แต่เป็นคนละประเด็นกันจึงอยากให้ประชาชนมีความเข้าใจ
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยังยืนยันความจำเป็นที่ต้องคัดกรองและตรวจสอบหลักฐานใบสุทธิของพระสงฆ์ที่มารวมตัวกันบริเวณตลาดกลางคลองหลวง เนื่องจากพบว่าพระสงฆ์ที่มารวมตัวกันประมาณ 200 รูป ซึ่งไม่ใช่พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ที่วัดพระธรรมกาย และพบว่าพระบางรูปไม่ได้พกพาใบสุทธิมาด้วย ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ออกประกาศห้ามพระสงฆ์เข้าร่วมการชุมนุม เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องคัดกรอง
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังเปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.พ.) จะมีการนำกำลังตำรวจภูธร ภาค 3 และภาค 4 เข้าสลับสับเปลี่ยน เพื่อทดแทนกำลังตำรวจภูธรภาค 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่มาในช่วงนี้และมีความเหนื่อยล้ายืนยันเจ้าหน้าที่ไม่ได้เตรียมการใช้ความรุนแรง