วันนี้ (28 เม.ย.2560) จากกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อน เผยแพร่ภาพและข้อความโดยระบุว่า มีรีสอร์ทตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งจัดให้ราษฎรอาสาทำกินในพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ร่วมหารือกับนายพิบูลย์ หัตถกิจโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 3
นายชลธิศ ระบุว่า จากการตรวจสอบของกรมป่าไม้ พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อ ป่าวังชมภู และป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่น ครอบคลุมพื้นที่ 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.เขาค้อ ต.สะเดาะพง ต.ริมสีม่วง และ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ตั้งแต่ พ.ศ.2520 - 2530 จำนวน 5 ครั้ง รวม 8 แปลง เนื้อที่รวม 126,368 ไร่ เพื่อจัดสรรให้ราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) อยู่อาศัยทำกินตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ต่อมาปี 2555 จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ได้ทำหนังสือเพื่อส่งมอบคืนพื้นที่บางแปลง และพบว่าบางแปลงปฏิบัติไม่ถูกต้องตามเงื่อนไข
อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาปางก่อ ป่าวังชมภู และป่าสงวนแห่งชาติเขาโปลกหล่น ในพื้นที่ อ.เขาค้อ จำนวน 694 ราย อยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ จำนวน 631 ราย และมีการตรวจยึดดำเนินคดีแล้ว 51 ราย และอยู่นอกพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมป่าไม้จำนวน 63 ราย และดำเนินคดีไปแล้ว 36 ราย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกจำนวน 27 ราย
นอกจากนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทางกองทัพภาคที่ 3 ขอใช้ประโยชน์ และอยู่ในเขตป่าสงวน เมื่อพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการรื้อถอนภายใต้ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งแตกต่างจากรณีพื้นที่ภูทับเบิกที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ซึ่งเมื่อพบความผิดไม่สามารถรื้อถอนได้ ต้องนำเรื่องเข้าสู่การฟ้องแพ่งเพื่อขับไล่ ประกอบกับผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงต้องใช้มาตรา 44 ในการระงับและปราบปรามการบุกรุก
ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 3 และ จ.เพชรบูรณ์อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีผู้ใช้พื้นที่รายใดไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือไม่ การดำเนินการดังกล่าวจะใช้เวลาทั้งสิ้น 90 วันในช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค.นี้ จากนั้นหากพบว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขก็จะดำเนินการทางกฎหมายในการเพิกถอนสิทธิต่อไป