วันนี้ (2 พ.ค.2560) นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้ารายงานตัวต่อนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว หลังถูกคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นการชั่วคราว โดยให้มีผลในวันนี้
นายสืบศักดิ์ ยืนยันไม่เคยซื้อบริการทางเพศ ยอมเจ็บปวด ย้ายออกจากพื้นที่เพื่อให้ระบบอยู่ได้ หากทำให้เกิดความโปร่งใส และความเป็นอิสระในการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยหลังจากนี้จะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีก เพราะขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ
ด้านปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผลสอบข้อเท็จจริงยังไม่แล้วเสร็จ และปฏิเสธกระแสข่าว ผลสอบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่ได้กระทำผิด ซึ่งได้รับรายงานการสอบสวนบางส่วนแล้ว แต่คณะกรรมการฯ ระบุว่าต้องมีการสอบสวนพยานเพิ่มเติม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 30 วัน
ส่วนการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น เพื่อให้กระบวนการสอบสวนในพื้นที่ดำเนินต่อไป และปราศจากข้อเคลือบแคลงจากสังคม พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นการลดแรงกดดัน ทั้งนี้ ได้มอบหมายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำงานด้านแผนบูรณาการจังหวัด
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงสาเหตุที่มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนย้ายออกจากพื้นที่ เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน หลังได้หารือร่วมกับปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานสอบข้อเท็จจริง เพราะผู้ว่าฯ เป็นศูนย์รวมบูรณาการการทำงาน
ด้านนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก พร้อมตัวแทนองค์กรด้านเด็กและสตรี เข้ายื่นหนังสื่อต่อนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เรียกร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนเป็นคดีพิเศษ และขอให้มีการสืบพยานไว้ก่อนมีการฟ้องร้องตามกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมวิธีพิจารณาความอาญา ฉบับที่ 32 เพราะไม่ต้องการสร้างความกดดันให้พยาน แม้จะมีคำสั่งย้ายผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอนออกจากพื้นที่ แต่นางทิชายังมีข้อกังวลเรื่องอำนาจแฝง ดังนั้นควรย้ายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีออกนอกพื้นที่ด้วย
นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การรับเป็นคดีพิเศษจะเป็นกระบวนการของกรมสอบสวนพิเศษ ส่วนการคุ้มครองพยานนั้นได้ดำเนินการแล้ว แต่ยืนยันว่ากระทรวงให้ความสำคัญต่อคดีค้ามนุษย์ เรื่องนี้จะไม่เงียบหายไปอย่างแน่นอน