วันนี้(9 พ.ค.2560) นายมาโนช วงษ์สุรีรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง กล่าวว่า หลังจากในพื้นที่ระหว่างเกาะมุก และเกาะกระดาน พบพะยูนแม่-ลูกลอยตายติดกัน 2 ตัวเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน ผลการผ่าพิสูจน์ซากออกมาแล้ว 1 ตัวพบว่ามีทรายจำนวนมากเข้าไปติดในหลอดลมของพะยูนยาว 77 เซ็นติเมตร และในท้องของซากพะยูน ยังมีหญ้าทะเลในท้อง ทำให้รู้ได้ว่าพะยูนไม่สามารถขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำได้ และอาจตายตั้งแต่อยู่ใต้ท้องน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดจากการติดเครื่องมือประมง
หน.อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ในช่วงที่ผ่านมา มีพะยูนตายเชื่อว่าเกิดจากที่บริเวณเกาะมุก และในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม มีการสัญจรทางเรือ ทั้งเรือประมงและเรือท่องเที่ยวหนาแน่น อาจทำให้ไปรบกวนแหล่งอาศัยและแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งจากที่อุทยานฯได้ติดอุปกรณ์สัญญาณดาวเทียมติดตามตัวพะยูง 3 ตัว เป็นพะยูนเพศผู้ทั้งหมด ก็ยังไม่สามารถบอกการเคลื่อนย้ายและแหล่งอาศัยของพะยูงฝูงใหญที่มี 169 ตัวได้ชัดเจน แต่จากการติดตาม พบว่า กระจายอยู่เกาะมุก เกาะกระดาน แหล่มจุโหย-เกาะลิบง และพบพะยูนที่ได้ตั้งชื่อว่า เอิร์ท ซึ่งมีความยาวประมาณ 2.44 เมตร น้ำหนักประมาณ 240 กิโลกรัม ในบริเวณปางเมง ซึ่งจุดที่มีท่าเรือรับนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเกาะต่างๆ
ตะลึงนักท่องเที่ยวทะลัก 3-4 พันคนเกาะมุก
นายมาโนช บอกว่า เตรียมจะหารือกับผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยว เพื่อขอความร่วมมือร่วมจัดการการท่องเที่ยว ทั้งประเภทเรือและขนาดเรือ ที่จะต้องไม่กระทบกับแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งบางจุดที่พบเแหล่งหญ้าทะเลที่สมบูรณ์ อาจจะต้องปรับขนาดของเรือให้เล็กลง และต้องขอให้เรือทัวร์จำกัด จำนวนนักท่องเที่ยว ส่วนเรือประมงพื้นบ้านจะต้องทำความเข้าใจและกำหนดโซนการใช้ประโยชน์ เนื่องจากพื้นที่ที่พะยูนอาศัยอยู่ก็เป็นแหล่งที่ประมงพื้นบ้านเข้ามาทำมาหากิน
ขณะนี้พบมีเรือทัวร์รองรับนักท่องเที่ยงที่เข้ามาเที่ยวในอุทยานฯมีมากกว่า 80 ลำ มีนักนักท่องเที่ยวมาเข้ามาเที่ยวเกาะต่างๆ เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ มีมากถึง 3,000-4,000 คน ซึ่งยังไม่มีการจัดระเบียบ