วันนี้ (15 พ.ค.2560) นายร็อบ เวนไรท์ ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจยุโรป หรือยูโรโปล เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์เรียกค่าไถ่ที่ใช้ชื่อว่า "วอนนา คราย" ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เว็บไซต์ของบริษัทและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ถูกไวรัสตัวนี้โจมตีมากกว่า 200,000 รายใน 150 ประเทศ โดยรัสเซียและอังกฤษเป็น 2 ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการปล่อยไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวนี้่ออกมาและยังไม่ทราบแรงจูงใจ
ด้านนายสตีเวน วิลสัน หัวหน้าศูนย์อาชญากรรมไซเบอร์ของสำนักงานตำรวจยุโรป เปิดเผยว่า การโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์ วอนนา คราย เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและสถานการณ์จะเลวลงอีกในวันนี้ ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์การทำงานที่พนักงานของบริษัทและองค์การต่างๆ จะกลับมาทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์
บริษัทผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ไวรัสคอมพิวเตอร์ วอนนา คราย ทำงานโดยจะเข้าไปล็อกไฟล์ข้อมูล ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเปิดไฟล์ได้และเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 300 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10,000 บาท ในสกุลเงินดิจิทัล "บิทคอยน์" เพื่อแลกกับคีย์ปลดล็อกรหัสไฟล์ โดยกำหนดเส้นตายให้จ่ายภายใน 3 วัน มิฉะนั้นค่าไถ่จะเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว และหากผ่านไป 7 วัน ยังไม่มีการจ่ายค่าไถ่ ไฟล์ดังกล่าวจะถูกลบทิ้ง อย่างไรก็ดี ทีมฉุกเฉินของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การจ่ายค่าไถ่ไม่ได้รับประกันว่าจะได้รับไฟล์กลับคืน