วันนี้ (24 พ.ค.2560) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. ระบุถึงกรณีหญิงไทยทั้ง 6 คน ที่เดินทางไปรับจ้างอุ้มบุญในประเทศลาว โดยระบุว่า ในต่างประเทศไม่มีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ อาจเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของตัวผู้ตั้งครรภ์แทน และเด็ก และไม่ได้มีกฎหมายกำหนดความเป็นบิดา และมารดาของเด็กอย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดการทอดทิ้งเด็กได้ หากพบว่าเด็กมีความพิการ
แต่เพื่อป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งคุ้มครองสุขภาพความปลอดภัยของหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีอนามัยเจริญพันธุ์ให้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม สบส. จะประสานขอความร่วมมือเฝ้าระวังป้องกัน ไปยังกระทรวงสาธารณสุขของประเทศลาว พร้อมกำชับให้สถานพยาบาล ที่มีการให้บริการเทคโนโลยีอนามัยเจริญพันธุ์ 70 แห่ง ทั่วประเทศไทย ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัดด้วย
ด้านนายอาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ สบส. กล่าวว่า บทกำหนดโทษ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จะแบ่งเป็นวาระ แล้วแต่ลักษณะการกระทำผิด เช่น หากผู้ใดรับจ้างอุ้มบุญ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
หากกรณีเป็นนายหน้า ชี้ช่องทางให้ มีการรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับโฆษณาให้แพร่หลายว่ามีหญิงประสงค์รับตั้งครรภ์ หรือมีบุคคลที่ประสงค์ให้หญิงอื่นรับตั้งครรภ์แทน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการรับจ้างอุ้มบุญ ซื้อขาย อสุจิ ไข่ ตัวอ่อน หรือเป็นนายหน้าให้มีการรับจ้าง ตั้งครรภ์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กลุ่ม คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ หมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7000 ต่อ 18418 หรือ 18419 กรม สบส. จะดำเนินการ ตามกฎหมายโดยทันที