นักเศรษฐศาสตร์มอง กม.ขยายเพดานหนี้สหรัฐฯช่วยแก้ปัญหาระยะสั้น

แม้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการขยายเพดานหนี้สาธารณะพร้อมปรับลดงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐลงทำให้สหรัฐฯรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้ แต่เจ้าของรางวัลโนเบล นักเศรษฐศาสตร์ มองว่าเป็นเพียงแก้ไขปัญหาหนี้ระยะสั้นเท่านั้น

ศ.พอล ครุกแมน แห่งคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และเจ้าของรางวัลโนเบล สาขาเศรษฐศาสตร์ เมื่อปี 2551 ตลอดจนเป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ในสหรัฐฯ กล่าวว่าแผนการขยายเพดานหนี้ที่สภาสหรัฐฯ มีมติผ่านครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะของสหรัฐฯได้ในเวลานี้ แต่ก็จะส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และจะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างยาวนานจนยากที่จะเยียวยาด้วย เนื่องจากทำให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล สำหรับรับมือกับปัญหาหนี้สาธารณะที่พอกพูนขึ้น อันจะส่งผลให้สหรัฐฯ ขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล และจะกลายเป็นปัญหาเศรษฐกิจที่เรื้อรังของสหรัฐฯ อยู่ต่อไป

ทางด้านรีด เอปสไตน์ คอลัมนิสต์ของเดอะ เดลี บีสต์ แสดงทรรศนะว่าต้องถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของพรรครีพับลิกันที่สามารถใช้ร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้มาเป็นตัวประกัน ในการเล่นเกมการเมืองกับพรรคเดโมแครต และจะกลายเป็นรูปแบบในการเจรจาต่อรองนโยบายด้านการจัดการเศรษฐกิจอื่นๆ ในอนาคตของพรรครีพับลิกันด้วย
 
ทั้งนี้ความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ น่าจะหมดไป หลังจากสภาล่างมีมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว และเมื่อคืนที่ผ่านมาวุฒิสภาของสหรัฐฯได้ลงมติผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว และส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าลงนามประกาศใช้ต่อไป ซึ่งการปรับขึ้นเพดานหนี้ดังกล่าวคาดว่าจะทำให้สหรัฐฯ สามารถกู้เงินมาใช้ได้อย่างเพียงพอไปจนถึงปี 2013
 
สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าวระบุให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐขึ้นอีกอย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ และรัฐบาลจะต้องลดการใช้จ่ายลง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี