วันนี้(28พ.ค.2560)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ยังคงเร่งกำจัดขยะจากครัวเรือน และผักตบชวาออกจากด้านหน้าสถานีสูบน้ำพระโขนง เนื่องจากกีดขวางทางน้ำ และเป็นอุปสรรคทำให้ระบายน้ำได้ช้าโดยเฉพาะในช่วงฝนตกหนัก
ซึ่งสถานีสูบน้ำแห่งนี้ นี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะทำหน้าที่ระบายน้ำและควบคุมระดับน้ำในคลองพระโขนง ที่เชื่อมต่อกับคลองประเวศ คลองแสนแสบ และคลองลาดพร้าว เพื่อระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
สถานีสูบน้ำพระโขนง เป็นสถานีสูบน้ำใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร จากที่มีอยู่ทั้งหมด 7 สถานี มีเครื่องสูบน้ำกว่า 51 เครื่อง กำลังสูบรวม 173 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และยังมีสถานีสูบน้ำอุโมงค์พระโขนง ที่มีเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง กำลังสูบรวม 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีพื้นที่รับน้ำประมาณ 360 ตารางกิโลเมตร ในพื้นที่เขตพระโขนง บึงกุ่ม วัฒนา คลองเตย มีนบุรีหนองจอก ประเวศ ลาดกระบัง ห้วยขวาง และลาดพร้าว
" สถานีแห่งนี้เป็นสถานีสูบน้ำใหญ่ของกทม.ที่ได้รับมอบจากกรมชลประทาน หลังจากนั้น มีปรับปรุงหลายครั้ง ประสิทธิภาพการระบายน้ำ ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำ จำนวน 51 เครื่อง มีกำลังสูบน้ำ 233 ลบ.ม.ต่อวินาที"นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุ
ขณะที่ นายสมศักดิ์ มีอุดมศักดิ์ ผอ.กองระบบอาคารบังคับน้ำ สำนักการระบายน้ำ บอกว่า อุโมงค์อาคารรับน้ำบึงพระราม 9 ครอบคลุมพื้นที่ ห้วยขวาง บางกะปิ วังทอหลาง ครอบคลุมพื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร เพื่อช่วยลดระดับน้ำในคลอง ที่จะรับจากน้ำคลองแสนแสบ ประเวศ และคลองลาดพร้าว ระบายน้ำออกเจ้าพระยา และลดปัญหาน้ำท่วมในเขตเมือง
แต่ประสิทธิภาพของสถานีสูบน้ำและอุโมงค์ระบายน้ำกลับมีอุปสรรคสำคัญจากขยะ ที่มีทั้งขวดพลาสติก โฟม ไม่เว้นแม้กระทั่งที่นอน และยางรถยนต์ นายสนธยา วงศ์สราญรัตน์ นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน บอกว่า ขยะในช่วงฝนตกหนักเฉลี่ยวันละกว่า 50 ตัน และต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากในการกำจัดขยะเหล่านี้ ดังนั้นจึงต้องทำงานกันตลอด 24 ชั่วโมง
จากความสำคัญของสถานีสูบน้ำแห่งนี้ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานช่วงบ่าย วันที่ 29 พ.ค.นี้ รวมทั้งรับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังของกรุงเทพมหานคร