เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.2560) นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม ได้ชี้แจงถึงกรณีที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ในคดีที่นายคีรีรัก หรือมิตร มิตรชัย น้องชายพระเอกลิเกเงินล้านชื่อดัง ตกเป็นจำเลยคดีฉ้อโกงอดีตสาวคนสนิทว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวหลายแห่งทำนองว่าศาลได้มีคำพิพากษาให้นายมิตร จำเลยชดใช้เงินคืนผู้เสียหายตามคำขอของโจทก์ด้วยนั้น เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งจากการตรวจสอบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฉบับเต็ม พบว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลย เป็นเวลา 6 ปี โดยยกคำขอโจทก์ในส่วนการชดใช้เงิน 27,313,161 บาทคืนผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ร่วมด้วยเนื่องจากก่อนฟ้องคดีนี้ นายมิตร จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้กับ พ.ต.อ.ปจภณ รอดโพธิ์ทอง และ น.ส.ดรุณี ตั้งสีฟ้า ที่เป็นผู้จัดหาเงินให้โจทก์ร่วมไปลงทุนให้จำเลยว่าจะนำเงิน 35,500,000 บาทมาชำระหนี้ภายในวันที่ 30 ต.ค.2558 ซึ่งทางพิจารณาจำนวนเงินดังกล่าวรวมจำนวนเงิน 27,313,161 บาทที่โจทก์ขอมาท้ายฟ้องนั้น หนังสือรับสภาพหนี้มีลายมือชื่อ พ.ต.อ.ปจภณ และ น.ส.ดรุณี ในฐานะเจ้าหนี้ใหม่และลายมือชื่อจำเลยในฐานะลูกหนี้ จึงเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ แม้ น.ส.รัญชิตา สิทธาเดชานนท์ โจทก์ร่วมไม่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าว หรือไม่ปรากฏการทำเป็นหนังสือระหว่างโจทก์ร่วมกับ พ.ต.อ.ปจภณ และ น.ส.ดรุณี แต่โจทก์ร่วมรับรู้ด้วยในขณะทำหนัวสือรับสารภาพหนี้โดยตลอด การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงสมบูรณ์แล้ว โจทก์หรือโจทก์ร่วมไม่มีสิทธิที่จะเรียกให้จำเลยคืนเงินจำนวนตามฟ้องให้โจทก์ร่วมได้ ดังนั้นศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงพิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำขอคืนเงินแก่โจทก์ร่วม
นายสืบพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า การชี้แจงเรื่องนี้ก็อยากให้มีความเข้าใจตรงกันในเนื้อหาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ที่ถูกต้อง