นางลอนในวัย 70 ปี บอกว่าต้องการทำบุญด้วยการบริจาคทานและอยากให้มีวัดในที่ดินของตัวเอง จึงบริจาคที่ดินให้พระธุดงค์รูปหนึ่งเพื่อก่อตั้งสำนักสงฆ์ ในอดีตสำนักสงฆ์แห่งนี้มีเพียงกุฎิพระไม่กี่หลัง แต่หลังอดีตพระเณรคำเข้ามาเป็นเจ้าอาวาส มีการปรับสภาพพื้นที่ก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างจำนวนมากเพื่อรองรับประชาชนที่เดินทางมาที่วัดด้วยแรงศรัทธาและนับถืออดีตพระเณรคำ
การอวดอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ จนสร้างกระแสความศรัทธาทำให้มีประชาชนบริจาคเงินให้กับอดีตพระเณรคำจำนวนมหาศาล ความหลงระเริงในลาภยศและเงินทอง เป็นสิ่งที่นางลอนมองว่า ทำให้อดีตพระเณรคำหลงผิด จนถูกดำเนินคดีโดยบอกว่า อโหสิหกรรมให้กับอดีตพระเณรคำและไม่คิดจะเอาที่ดินคืนเพราะเจตนาคือต้องการบริจาคที่ดินเพื่อตั้งวัดและไม่ได้ยึดติดที่ตัวบุคคล
ปัจจุบันสำนักสงฆ์ขันติธรรม ถูกก่อตั้งเป็นวัดสามัคคียาราม เมื่อ 2 ปีก่อน มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ 4 รูป ชาวบ้านยังเดินทางมาทำบุญที่วัดตามปกติ ส่วนใหญ่บอกว่า ยังนับถือศรัทธาในวัดเพราะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของคนในชุมชน และไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอดีตพระเณรคำเพราะเห็นว่ายังมีบางส่วนยังคงนับถือและศรัทธาในตัวอดีตพระเณรคำอยู่และอยากให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย