มวลน้ำที่สะสมในเขื่อนน้ำอูน ใน จ.สกลนคร ซึ่งมีปริมาณล้นเกินความจุที่เขื่อนรองรับได้ทำให้ต้องระบายน้ำออกมาวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อไหลลงลำน้ำอูนแต่เมื่อมวลน้ำจากเขื่อน รวมกับมวลน้ำสะสมจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักตลอดในช่วงเกือบ 2 สัปดาห์มานี้ ทำให้น้ำในคลองสาขาลำน้ำอูนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่เกษตรที่อยู่ใกล้คียง เช่น หมู่บ้านในตำบลสว่าง อ.พรรณานิคม แปลงนาข้าวและสวนพริก กล้วย และ มะนาว ที่ถูกน้ำท่วมนานเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว
ขณะที่บ้านบางหลัง ที่โดนน้ำท่วมโดยเฉพาะตัวบ้านที่มีชั้นเดียว ทรัพย์สินบางอย่างเสียหาย เพราะไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ใด ไม่ต่างกับชุมชนอื่นที่อยู่ใต้เขื่อนและใกลัแนวลำน้ำอูนได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ เช่น หมู่บ้านดอนต้นม่วง ต.พอกน้อย อ.พรรณานิคม ชาวบ้านยังต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมขังนานกว่า 1 สัปดาห์ แม้ระดับน้ำลดลง แต่อยู่ในภาวะทรงตัว ไม่ใช่แค่ครัวเรือน หรือ พื้นที่ไร่นาที่ได้รับผลกระทบ แต่สัตว์เกษตร เช่น ฝูงวัวกว่า 80 ตัวกลุ่มนี้ ใน อ.พังโคน จ.สกลนคร เจ้าของต้องอพยพขึ้นมาอยู่ที่สูง หนีจากน้ำท่วมมาตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. ตลอดกว่า 1 สัปดาห์มานี้ หญ้าสดมีไม่เพียงพอและทำให้หลายตัวมีอาหารผอมโซ ซึ่งชาวบ้านละแวกนี้กว่า 100 หลังคาเรือน เลี้ยงวัวและกระบือ ไว้ทุกครัวเรือนวันที่มวลน้ำไหลมา ต่างคนต่างต้อนวัวหนีกันจ้าละหวั่น
มวลน้ำที่สะสมในเขื่อนน้ำอูน ซึ่งเป็นต้นทางมวลน้ำ ที่ร้บมาจากหนองหาร จ.สกลนคร จะไหลลงตามแนวลำน้ำอูน และไปลงสู่พื้นที่ปลายน้ำ ที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มีระยะทางถนนห่างกันกว่า 130 กิโลเมตรและจะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำตามแนวลำน้ำอูนโดยเฉพาะ อ.พังโคน อ. พรรณานิคม อ.กุสุมาลย์ ใน จ.สกลนคร และ อ.นาหว้า อ.นาทม อ.ท่าอุเทน และ อ.ศรีสงคราม ใน จ.นครพนม ได้รับผลกระทบน้ำท่วมขังและทำให้กองทัพเรือต้องขยายพื้นที่นำเรือผลักดันน้ำมาช่วยระบายน้ำ จำนวน 23 ลำ ในจุดแรก ที่สะพานข้ามแม่น้ำศรีสงครามและเพิ่มเติมอีก 12 ลำ ที่จุดระบายน้ำ ประตูน้ำอูน ซึ่งร่วมมือกับชลประทาน ที่ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอยู่แล้ว 6 เครื่อง เพื่อเร่งระบายออกสู่แม่น้ำสงคราม และไหลออกสู่แม่น้ำโขง เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เกษตร ตามแนวลำน้ำอูน ที่ถูกน้ำท่วมขังมาตลอดเกือบ 2 สัปดาห์นี้