ในช่วงวันหยุดวัดบุไผ่ หรือวัดบ้านไร่ 2 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เดินทางมาทำบุญกราบไว้สักการะหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่รายได้ทั้งหมด กลับไม่ได้เข้าบัญชีวัดแม้แต่บาทเดียว ไทยพีบีเอสเข้าตรวจสอบสมุดบัญชีเงินฝากของวัด ซึ่งมีอยู่เพียงเล่มเดียว พบว่า มีเงินเพียง 300,000 บาทเท่านั้น ขัดแย้งกับจำนวนคนที่หลั่งไหลมาเข้าวัดทำบุญ
นอกจากนี้ยังพบทรัพย์สินอีกหลายรายการ ไปอยู่ในอำนาจการดูแลนายตำรวจยศ พล.ต.ต. ซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ ที่เข้ามามีบทบาท ตั้งแต่ก่อสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อคูณ เพื่อจัดตั้งมูลนิธิของตัวเอง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ
บนที่ดินของวัดบุไผ่ กำลังก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม เพราะวัดต้องการขยายพื้นที่ จึงนำเงินที่ได้มาจากวัดบ้านไร่ มาซื้อที่ดินเพิ่ม 11 ไร่ แต่วัดพบหลักฐานว่า รายชื่อผู้ที่ครอบครองเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดกลับเป็นของนายตำรวจยศ พล.ต.ต.คนหนึ่ง เพราะความเชื่อใจทำให้วัดบุไผ่ ชักชวนให้นายตำรวจคนนี้ เข้ามาช่วยพัฒนาวัดตั้งแต่ปี 2547 แต่ไม่มีใครคิดว่า จะมีขบวนการยักยอกทรัพย์สินวัด สร้างความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
ด้าน พระครูสุวัฒนานุกูลจ้าคณะอำเภอวังน้ำเขียว ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดบุไผ่ เปิดเผยว่า ได้มอบอำนาจให้ไวยาวัจกรวัด ร้องเรียนไปยัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เข้ามาตรวจสอบปัญหาดังกล่าวเนื่องจากคณะสงฆ์อำเภอวังน้ำเขียวเชื่อว่า การก่อตั้งมูลนิธิของวัดไม่โปร่งใส
นับเป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านรวมตัวกันทวงสมบัติของวัดคืน เพราะพระในวัดไม่สามารถทำอะไรได้เลย เนื่องจากกลัวกลุ่มผู้มีอิทธิพลจึงต้องการเปิดโปงกระบวนการยักยอกทัรพย์สินวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้ามาตรวจสอบ ก่อนที่วัดจะเสียหายไปมากกว่านี้