วานนี้ (14 ส.ค.2560) คดีหญิงสาวที่ถูกอุ้มหายไปนานกว่า 3 ปี และต่อมาพบว่าแฟนเก่าที่เป็นอดีตทหารเป็นผู้ที่ลักพาตัวไปทำร้ายร่างกายและฆ่า วันนี้ ทนายความ และแม่ของหญิงสาวที่ถูกอุ้มหายนานกว่า 3 ปี จะเข้าแจ้งความกับตำรวจ ให้เอาผิดกับพ่อผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูกสาว
นางพัชรี ปั้นทอง พร้อมนายวิชา ผลิพล อายุ 53 ปีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านเพ็ชร อ.บำเหน็จณรงค์จ.ชัยภูมิ แม่และพ่อของ น.ส.พลอยนรินทร์ ผลิผล หรือน้องพลอย มาดูบริเวณจุดทิ้งศพลูกสาว ถนนสายแก่งคอย-แสลงพัน กม.ที่ 15-16 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ทั้งนี้ระหว่างการค้นหาพบเพียงเศษลวด ยางรถยนต์จำนวนหนึ่งที่ถูกเผาแล้ว ซึ่งแม่ผู้เสียชีวิตถึงกับร้อง ไห้ และพูดบอกว่า " แม่มาช่วยลูกแล้วนะ เราจะกลับบ้านไปอยู่ด้วยกัน ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว" หลังพูดเสร็จผู้เป็นแม่ถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น โดยมีนายวิชาและญาติประคองไว้
ขณะที่ผลการตรวจดีเอ็นเอของพ่อและแม่น้องพลอย ออกมาแล้ว พบว่าดีเอ็นเอของแม่ตรงกับโครงกระ ดูกที่พบจริง แต่ผลการตรวจของพ่อ ยังอยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ ยังคงต้องรอผลการตรวจของทั้ง 2 คนมายืนยันก่อน จึงจะสามารถสรุปได้ว่าโครงกระดูกที่พบนั้นเป็นศพของน.ส.พลอยนรินทร์
โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมาย จับ ส.อ.พลกฤต วิเศษอายุ 29 ปี ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา, ซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ส่วนนายพลกฤต วิเศษ ผู้ต้องหา ขณะนี้ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่ มณฑลทหารบกที่ 11 เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร หลังรับสารภาพว่า ไปรับน.ส.พลอยนรินทร์ จากหน้าโรงงาน ระหว่างทางได้มีปากเสียงกัน น.ส.พลอยนรินทร์ ใช้มีดพับแทงที่แขน ทำให้บันดาลโทสะ ใช้มือบีบคอจนเสียชีวิต
จากนั้นนำยางรถยนต์3 เส้น และน้ำมันเบนซินในค่ายทหาร จากนั้นได้ขับรถออกไปทางโรงเรียนแก่งคอย ก่อนเผาทำลายศพ ในเขตพื้นที่ตำบลหินซ้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
โดยพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไปรับตัว นายพลกฤต ที่กองบังคับการปราบปราม ก่อนนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ไปชี้จุดทิ้งศพเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ด้านนายรณณรงค์ ทนายความ บอกว่า คดีนี้เชื่อว่ามีผู้ต้องหามากกว่า 1 คน เพราะ ส.อ.พลกฤตไม่น่าจะทำได้เพียงลำพังในการทำร้าย และเผาอำพรางศพในจุดเกิดเหตุ และยังมีหลักฐานโยงถึงคนรอบๆ ตัวส.อ.พลกฤต
โดยช่วงแรกที่รับเป็นทนายในกรณีนี้ ได้ไปติดต่อตำรวจท้องที่พบว่ามีพยานหลักฐานจำนวนมาก แต่คดีกลับไม่คืบหน้า ซึ่งรับทราบว่าเจอทางตันบางอย่าง โดยตอนแรก ก็สงสัยว่าผู้ต้องสงสัยเป็นทหารยศสิบเอกเท่านั้น แต่ทำไมถึงมีอิทธิพลมากนัก จนมาสอบประวัติภายหลังถึงพบข้อมูลบางอย่าง
ขณะที่ล่าสุดตำรวจพบรถเก๋งที่ใช้ก่อเหตุในคดีหายตัวไปของน.ส.พลอยรินทร์ หลังพบว่าถูกขายให้กับเต้นรถแห่งหนึ่งย่านเลียบด่วนรามอินทรา ซึ่งเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนจะรับมอบรถคันนี้กลับไปตรวจสอบ และใช้ประกอบสำนวนคดี ที่สถานีตำรวจภูธรท่าเรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันนี้