วานนี้(3 ก.ย.2560) หลังสำนักงานประมง ชุดไกรทองลุ่มแม่น้ำตาปี ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ภูเก็ตค๊อกโคไดส์เวิลด์ และชาวประมงพื้นบ้านคลองปากบาง ป่าตอง อ.กะทู้ ใช้เวลาปฏิบัติการจับจระเข้ ถึง 2 วัน 2 คืน บริเวณขุมน้ำสาธารณะใกล้กับหาดเลพัง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต
ตอนนี้จระเข้ตัวดังกล่าวถูกนำมาพักฟื้นที่ไว้ในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ ภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) เพื่อรอหาหน่วยงานที่มีศักยภาพนำไปดูแลต่อ นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ยืนยันว่าจระเข้ตัวนี้ เป็นจระเข้น้ำเค็ม เพศผู้ ความยาวราวๆ 3 เมตรเศษ
" ขณะนี้มี 2 ทางเลือกคือ ทางเลือกขณะนี้ก็ต้องดูว่าถ้าเก็บไว้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งภูเก็ต แต่ต้องดูว่ามีศักยภาพพอหรือไม่ และทางเลือกที่ 2 ต้องทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประมง ให้ตัดสินใจว่าจะมอบให้กับสถานที่ราชการหน่วยงานใด เช่นสถานีเพาะเลี้ยง หรือสวนสัตว์ หรือจุดที่จระเข้อยู่ได้ เพื่อให้เขาอยู่ได้" นายนรภัทร กล่าว
นักอนุรักษ์เสียงแตกหนุนปล่อยจระเข้คืนธรรมชาติ
แม้จะจับจระเข้ได้แล้วแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดยังคงสั่งการให้หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยวริมฝั่งอย่างเข้มงวด ควบคู่กับการสั่งการให้ประมงจังหวัดเร่งหาแหล่งที่มาของจระเข้ตัวที่พบเพื่อคลายข้อสงสัยของสังคมและจัดหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก
ทั้งนี้ มีรายงานว่าจระเข้น้ำเค็มตัวนี้เดิมมีชาวต่างชาติเป็นผู้ซื้อมาเลี้ยง แต่ต่อมาจระเข้โตขึ้น จึงนำมาปล่อยที่ขุมเหมือง และนำไก่มาให้เป็นอาหารทุกวัน
นอกจากนี้ กระแสของกลุ่มนักอนุรักษ์ ยังเริ่มมีความคิดเห็นออกเป็น 2 ส่วนโดยกลุ่มหนึ่งมองว่าควรปล่อยจระเข้คืนสู่ธรรมชาติไม่นำไปขังในบ่อแคบๆ เพราะมีหลายประเทศที่มีจระเข้น้ำเค็มอาศัยในธรรม ชาติ แต่ใช้การบริหารจัดการและเตือนนักท่องเทียว โดยล่าสุดเพจ "คนอนุรักษ์" ได้รณรงค์ผ่านเฟซบุ๊กพร้อมกับนำภาพจระเข้ว่ายน้ำที่ปรากฎเป็นข่าวในช่วงสัปดาห์ก่อนถูกจับมาขังในบ่อซีเมนต์ โดยระบุว่า "ปล่อยจระเข้คืนธรรมชาติ"