ผู้เสียหายที่ถูกหญิงสาวคนเดียวกันหลอกให้แต่งงานและหลอกเงิน 13 คน เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม โดยให้ข้อมูลตรงกันว่าถูก น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ หลอกให้แต่งงาน เรียกเงินค่าสินสอดและหลบหนี โดยเงินที่ถูกหลอกที่ผู้เสียหายแจ้งมีตั้งแต่หลัก 100,000 - 500,000 บาท
หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า รู้จักกับ น.ส.จริยาภรณ์ ผ่านทางเฟซบุ๊ก ติดต่อกันประมาณ 2 เดือน มีความสัมพันธ์กันจึงตัดสินใจแต่งงาน นอกจากนี้ น.ส.จริยาภรณ์ ยังชักชวนให้ร่วมลงทุนขายผลไม้ ส่วนตัวหลงเชื่อและยอมรับว่า ต้องการร่วมลงทุนเพื่อหวังผลทางธุรกิจจริง
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เปิดเผยว่า น.ส.จริยาภรณ์ มักอ้างตัวต่อฝ่ายชายว่า ครอบครัวมีธุรกิจขายผลไม้หลายจังหวัดและต้องการให้ผู้เสียหายร่วมลงทุนธุรกิจด้วยกัน โดยใช้เวลาในการติดต่อพูดคุยในแต่ละคนประมาณ 1 - 2 เดือน และมีการตกลงเรื่องค่าสินสอด โดยให้ผู้เสียหายโอนค่าสินสอดให้ สาเหตุที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่หลงเชื่อเพราะ น.ส.จริยาภรณ์ พาบุคคลที่น่าเชื่อถือที่อ้างว่าเป็นพ่อและแม่ ไปทำการเจรจาต่อรองเรื่องธุรกิจร่วมกันทุกครั้ง และกลวิธีอีกอย่างคือ น.ส.จริยาภรณ์จะนำหลักฐานการตั้งครรภ์อ้างกับผู้ชาย
นอกจากผู้เสียหายจะแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.จริยาภรณ์ นายบุญเลี้ยง และนางสำรอง บัวใหญ่ ที่แอบอ้างเป็นพ่อและแม่ ยังจะให้ตำรวจดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีธนาคารในชื่อ น.ส.สร้อยเพ็ชร พาลีวัลย์ ที่ น.ส.จริยาภรณ์ ใช้ให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าสินสอดไปให้ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่นโดยอ้างตนเป็นบุคคลอื่น และหาก น.ส.จริยาภรณ์ แอบอ้างบัญชีธนาคารของ น.ส.สร้อยเพ็ชร มาใช้ในการกระทำผิด ก็จะให้ดำเนินคดีในความผิดปลอมแปลงเอกสารทางราชการเพิ่มเติมด้วย