วันนี้ (13 ก.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในปี 2554 โดยก่อนร่วมเป็นประธานเปิดงานสัมมนาแลกเปลี่ยนความเห็นการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.ย.นี้ จะมีการแถลงถึงการชี้มูลคดีสำคัญแต่ยังไม่เปิดเผยว่ามีคดีใดกังวลว่าจะกระทบต่อกระบวนการทำงานและกระทบต่อสิทธิ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี
พล.ต.อ.วัชรพล เปิดเผยว่า จากการแสวงหาข้อเท็จจริงและไต่สวนคดีมีพฤติการณ์กระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด เป็นเหตุให้เกิดอุทกภัยในปี 2554 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่มีการชี้มูลเนื่องจากพยานและหลักฐานไม่ถึงและย้ำว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะหาผู้กระทำผิดแต่พิจารณาไปตามข้อมูลพยานหลักฐานและด้วยเหตุผลเดียวกัน ป.ป.ช.ได้ลงมติไม่ชี้มูลความผิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อกล่าวหาเดียวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ส่วนความคืบหน้าในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาตินั้น ได้ส่งร่างไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแล้ว อยู่ระหว่างการปรับแก้ให้เป็นร่างสมบูรณ์ ก่อนส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คาดว่าต้นเดือน ต.ค.หลังจากนั้นจะเข้าสู่การตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาซึ่งต้องมีตัวแทนสัดส่วนของ ป.ป.ช. จะไปหารือในชั้นนั้นอีกครั้ง ซึ่งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ต้องจัดทำกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 240 วันอยู่แล้วหรือภายในต้นเดือน ธ.ค.
และตามที่ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนร่วม มาตรา 18 ที่กำหนดให้ ป.ป.ช.ตั้งหน่วยงานพิเศษภายในสำนักงาน ป.ป.ช.เพื่อทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว ประธาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า เมื่อกฎหมายประกาศบังคับใช้จะทำเรื่องถึงรัฐบาลเพื่อขอบุคลากรเพิ่มเติมเข้ามาทำหน้าที่เนื่องจากเป็นงานใหม่ที่ต้องรับผิดชอบ
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ถึงการตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรัดในการแสวงหาข้อมูลให้ครบถ้วน และแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็จะไม่กระทบต่อการทำหน้าที่ไต่สวนหรือแสวงหาข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ว่าใครจะเข้ามาทำหน้าที่ก็สามารถร่วมมือกันโดยทางรัฐบาลเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ในขณะที่ในเรื่องนี้เป็นประเด็นที่สังคมเฝ้าจับตาดู ต้องทำให้ชัดเจน
นอกจากนี้ ประธาน ป.ป.ช. วางเป้าปี 61 โดนจะวางระบบให้องคณะเร่งรัดขับเคลื่อนงานทุก 2 เดือน กำหนดรูปแบบการไต่สวนให้เจ้าหน้าที่อาวุโสรับผิดชอบเพื่อจะได้ขับเคลื่อนคดีใหญ่ๆได้ โดยคาดหวังให้เรื่องค้างเก่าจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จ
ในขณะเดียวกัน ประธาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ภายในเดือน ก.ย.นี้ จะมีการแถลงผลการชี้มูลคดีสำคัญและถือเป็นคดีใหญ่ทางการเมืองและไม่เฉพาะนักการเมืองที่เป็นรัฐบาลชุดที่แล้วเท่านั้นแต่จะเป็นคดีในอดีตที่นักการเมืองที่ถูกชี้มูลมาก่อนแล้วด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ด้วยเกรงว่าจะกระทบต่อการทำงานและสิทธิของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี
ทั้งนี้ยังมีอีกกว่า 10 คดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. เช่น คดีจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่มีอำนาจ, การออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ, การโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สมช. และการตรากฎหมาย หรือ พ.ร.ก.การกู้เงินบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเป็นต้น