วันนี้ (19 ก.ย.2560) หลังมีการเปิดเผยข้อมูลว่า พื้นที่ตำบลสนามชัย อ.บางไทร จ.พระนครศรี อยุธยา คือ 1 ในพื้นที่ที่ต้องถูกเวนคืน เพื่อก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร หรือแม่น้ำสายใหม่
ชาวบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต่างกังวลกับหลักเกณฑ์ขอเวนคืนของหน่วยภาครัฐ เพราะอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มาไม่ต่ำกว่า 100 ปี จึงเกรงว่าการจ่ายค่าเวนคืนจะไม่คุ้มกับการอพยพครอบครัวไปอยู่ที่อื่น
ชาวตำบลสนามชัย อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บอกว่า ก็ให้ทางรัฐช่วยดูแลให้คุ้มค่า ไม่ใช่เขาปลุกไว้ 2 แสนบาทก็ให้เท่าเดิม ค่าปลูกค่ารื้อถอนสมัยนี้กับสมัยนั้นไม่เหมือนกัน ขณะที่บางราย ยอมรับ ถ้าสมมุติถ้าโดนจริงๆ ก็น่าจะให้ค่าเวนคืนตามจำนวนที่เพียงพอ จะไปปลูกไปอะไรเงิน ไม่พอแบบนี้
นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เชื่อว่า คลองระบายน้ำบางบาล-บางไทร จะช่วยตัดยอดน้ำไม่ให้ท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และกรุงเทพมหานครได้จริง แต่หากถูกคัดค้าน รัฐอาจต้องใช้วิธีกำหนดพื้นที่รับน้ำ เพื่อตัดยอดน้ำแทน
“ถ้ายอมรับเรื่องการมีน้ำท่วม โดยธรรมชาติ ตั้งแต่ บางบาล เสนา เจ้าเจ็ด ที่กำหนดให้เป็นโซนรับน้ำท่วมได้ และอยู่กับกับน้ำท่วมได้ ตั้งแต่ผักไห่ ลงมาและสมัยโบราณก็เป็นแบบนั้น จะไม่ให้ท่วมต้องมีวิธีแบ่งน้ำออกไปในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่ม ถ้าไม่ให้ท่วมก็แบ่งเป็นโซนรับน้ำ ให้เหมือนตั้งแต่โบราณก็อาจไม่ต้องขุดตรงนี้ก็ได้" ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุ
นายศศิน บอกว่า โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ต่างจากโครงการก่อสร้างฟลัดเวย์สมัย รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ามาก แต่ทุกโครงการที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบกับชุมชน ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยเหลืออย่างเหมาะสม