วันนี้ (11 ต.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำกำลังตรวจค้นบ้านพักของบ้านเลขที่ 108/1 หมู่บ้านแกรนด์บางคอก บลูเลอวาร์ด สาธร-ปิ่นเกล้า ย่านถนนราชพฤกษ์ หลังมีข้อมูลว่าบ้านหลังนี้อาจเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด นางภัทรานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสของ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือ พศ.
แต่การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ไม่พบตัวนางภัทรานันท์ พบเพียงผู้ดูแลบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีข้อมูลว่าบ้านหลังนี้นางภัทรานันท์ ซื้อมาในปี 2556 ด้วยเงินสดในราคา 49 ล้านบาท โดยใช้ชื่อของลูกสาวที่มีอายุเพียง 20 ปีเศษเป็นผู้ครอบครองแทน ขณะที่ยังมีรายงานอีกว่าเมื่อ 2 วันก่อน มีการนำรถมาขนย้ายสิ่งของบางส่วนออกไป
อายัดทรัพย์อดีตผอ.พศ.พร้อมพวก 71 ล้านบาท
สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องหลังจาก เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กล่าวถึงคดีทุจริตเงินทอนวัดว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับพวก ซึ่งเป็นข้าราชการใน พศ. และบุคคลใกล้ชิดได้แก่ นางประนอม คงพิกุล นายสวัสดิ์ กิตติธีระสิทธิ์ นางณัฐฐาวดี ตันตราวิสารสิทธิ นางชมพูนุท จันฤาไชย พระสุทธิพงศ์ สุทธิวังโส แสงสุข นายพระเบิ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดในจ.ลำปาง และน.ส.อุบล ดิษฐ์ด้วง ร่วมกันกระทำการทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุดการบูรณปฏิสังขรณ์และการพัฒนาวัดตั้งแต่ปี 2555-2559
โดย พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวว่า โดยทั้งหมดมีพฤติการณ์ร่วมกันกระทำความผิด วางแผนเป็นขั้นตอนและแบ่งหน้าที่กันทำ ในการจัดสรรงบอุดหนุนวัดต่างๆ เป็นเครื่องมือเทงบประมาณลงไป เมื่อวัดได้รับเงินดังกล่าวจะโอนเงินสดมาให้นายนพรัตน์ หรือบุคคลใกล้ชิด
ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 3 (5) แห่งพ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินของนายนพรัตน์ กับพวก รวมทั้งสิ้น 33 รายการ รวมมูลค่า 71 ล้านบาท ทั้งนี้ ปปง.จะมุ่งเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อไปให้ถึงที่สุดตามกฎหมายฟอกเงิน